กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

ผู้เขียน หัวข้อ: หลวงพ่อ ดีเนาะ  (อ่าน 10551 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

มหาสุ

  • **แก้ไข**
  • คะแนนอนุรักษ์เพลง 749
  • กระทู้: 135
  • Thank You
  • -Given: 323
  • -Receive: 749
หลวงพ่อ ดีเนาะ
« เมื่อ: สิงหาคม 20, 2013, 09:32:28 PM »
หลวงพ่อดีเนาะ

พระอาจารย์ประสงค์ ปริปุณโณ อดีตสมภารวัดป่าชิคาโก แสดงธรรมไว้หลายธรรมมาสน์คุณดนัย จันทร์เจ้าฉาย (สำนักพิมพ์ดีเอ็มจี) ฟังแล้วติดใจ เอามาพิมพ์เป็นหนังสื่อ ชื่อ หักหอกเป็นดอกไม้

เรื่องหนึ่งที่ท่านเทศน์ เป็นเรื่องของหลวงพ่อวัดหนึ่ง ซึ่งขึ้นชื่อลือชากันว่า ท่านเป็นพระที่มีแต่ความสุข ไม่เคยมีความทุกข์

วัน หนึ่ง โยมมานิมนต์ท่านไปเทศน์ที่บ้าน บอกท่านว่าจะมารับแต่เช้า หลวงพ่อก็นั่งรอจนสายโยมก็ไม่มาสักที

หลวงพ่อก็ว่า "ไม่มา ก็ดีเหมือนกันเนาะ เราฉันข้าวของเราดีกว่า"

ฉันข้าวได้ไม่กี่คำ โยมก็มารับพอดี กราบกรานขอโทษที่มาช้า เหตุเพราะว่ารถเสีย

หลวงพ่อวางช้อน "อือ ก็ดีเนาะ ไปฉันที่งานเนาะ"

นั่ง รถไปได้สักพัก เครื่องรถก็ดับอีก คนขับบอก "รถเสียครับ" หลวงพ่อก็ว่า "ดีเนาะ ได้หยุดพักชมวิวเนาะ"
คนขับซ่อมเครื่องรถได้พัก ก็ออกปากขอให้หลวงพ่อช่วยเข็นรถ

ความจริงหลวงพ่อก็แก่ ข้าวก็ฉันได้ไม่กี่คำ แต่ทานก็ยิ้ม บอกว่า "โอ้ดีเนาะ ได้ออกกำลังเนาะ"
แล้วก็ขมีขมันออกแรงช่วยเข็นรถจนวิ่งได้

ไปถึงบ้านงาน เวลาเลยเที่ยง หมดเวลาฉันอาหารไปแล้ว เป็นอันว่า วันนั้นหลวงพ่ออดข้าว เจ้าภาพก็ร้อนใจ

อะไรๆก็เลยเวลามานาน นิมนต์ท่านขึ้นเทศน์ทันที

"ดีเนาะ มาถึงก็ได้ทำงานเลยเนาะ"

หลวง พ่อว่าแล้วก็ขึ้นธรรมมาสน์เทศน์จนจบ มีคนชงกาแฟถวาย แต่เผลอตักเกลือใส่แทนน้ำตาลหลวงพ่อจิบกาแฟไปหนึ่งคำ แล้วก็บอกโยมว่า "โอ้ดีเนาะ ดีๆ" แล้วก็วาง

ธรรมเนียมของหลวงพ่อขลังๆ เวลาท่านฉันอะไร ลูกศิษย์ก็ อยากได้บ้าง ว่ากันว่าเป็นสิริมงคลดีนักเรียงหน้ารอกันเป็นแถว ลูกศิษย์คนแรก ดื่มกาแฟก็พ่นพรวดออกมา

"เค็มปี๋เลยหลวงพ่อ ฉันเข้าไปได้ยังไง!"

"ก็ดีเนาะ ฉันกาแฟหวานๆมานาน" หลวงพ่อว่า "ฉันเค็มๆมั่งก็ดีเหมือนกัน"

ไม่ว่าฝนจะตก แดดจะออก ลมแรง น้ำท่วม หรือคนด่า หลวงพ่อท่านมองไปในแง่ดีได้หมด

มีลูกศิษย์ใกล้ชิดคนหนึ่งไปทำผิด ถูกจับไปติดคุก ท่านก็ว่า "ก็ดีเนาะ มันจะได้ศึกษาชีวิต"

ท่าน อาจารย์ประสงค์บอกว่า หลวงพ่อองค์นี้ ชื่ออะไร อยู่วัดไหน ตัวท่านเคยจดไว้ แต่ทำสมุดที่จดหายจำได้เพียงแต่ว่า คนอีสานเขาสรรเสริญท่านมาก

แม้ท่านจะชื่อจริงอะไร ก็คงไม่มีใครจำ เพราะต่างก็เรียกท่านว่า "หลวงพ่อดีเนาะ" กันหมดแล้ว

เรื่อง ของหลวงพ่อดีเนาะ เป็นหนึ่งตัวอย่างในเรื่อง "หักหอกเป็นดอกไม้" ทุกข์สุข ดีเลวล้วนแล้วแต่อยู่ที่วิธีคิด ถ้าคิดเป็นบวก เรื่องก็ออกมาเป็นบวก...

หลวง พ่อดีเนาะ” แห่งวัดมัชฌิมาวาส อุดรธานี ซึ่งมองโลกในแง่ดี ไม่เคยจับผิดใคร ไม่เคยว่าใคร … เจอปัญหาอะไรๆ ก็พูดว่า “ดีเนาะ” … จนกระทั่งได้รับพระราชทานสมณศักดิ์จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้เป็น “พระเทพวิสุทธาจารย์ สาธุอุทานธรรมวาที” ซึ่งแปลว่า ดีเนาะ

หลวงพ่อ ดีเนาะเป็นเกจิอาจารย์มีชื่อของจังหวัดอุดรธานี ที่ใคร ๆ ก็รู้จัก ท่านมีลูกศิษย์ลูกหาและผู้เคารพนับถือทั่วประเทศ มีเรื่องเกี่ยวกับการบำเพ็ญบารมี และการประพฤติปฏิบัติตนของหลวงพ่อดีเล่าขานกันมากมายหลายเรื่องเช่นมีผู้ เล่าว่า เนื่องจากหลวงพ่อดีมีผู้เคารพนับถือมาก จึงมีผู้มาถวายจตุปัจจัยข้าวของเครื่องใช้ที่มีค่าแก่ท่านมากมาย ในกุฏิของหลวงพ่อดีจึงมีข้าวของเงินทองที่เตะตาล่อโจรให้อยากลองของมากมาย แต่ดูเหมือนว่าหลวงพ่อท่านไม่ค่อยจะสนใจวัตถุรอบกายของท่านแต่อย่างใดอยู่มา วันหนึ่ง หลวงพ่อดีก็ถูกขุนโจรใจโหดปล้นฆ่าเจ้าทรัพย์มากมาย ถือปืนบุกเข้าประชิดตัวหลวงพ่อบนกุฏิพร้อมทั้งประกาศก้อง
“นี่คือการปล้น อย่าได้ขัดขืนนะหลวงพ่อ” หลวงพ่อดียิ้มกับโจรด้วยอารมณ์ดีและไม่มีอาการสะทกสะท้าน ท่านกล่าวกับโจรอย่างนิ่มนวลว่า
“ปล้นก็ดีเนาะ” โจรชักแปลกใจในคำพูดและท่าทีของหลวงพ่อ โจรพูดว่า
“ถูกปล้นทำไมว่าดีละหลวงพ่อ” หลวงพ่อดีตอบว่า
“ทำไม่จะไม่ดีละ ก็ข้าต้องทนทุกข์ทรมานเฝ้าไอ้สมบัติบ้า ๆ นี้ตั้งนานแล้ว เอ็งเอาไปเสียให้หมดข้าจะได้ไม่ต้องเฝ้ามันอีก” โจรขู่อีก
“ไม่ใช่ปล้นอย่างเดียวฉันต้องฆ่าหลวงพ่อด้วย เพื่อปิดปากเจ้าทรัพย์” หลวงพ่อดีก็ตอบเหมือนเดิม
“ฆ่าก็ดีเนาะ” โจรแปลกใจจึงถามว่า
“ถูกฆ่ามันจะดีได้อย่างไรละหลวงพ่อ” หลวงพ่อดีตอบ

“ข้ามันแก่แล้ว ตายเสียได้ก็ดี จะได้ไม่ทุกข์ร้อนอะไร” โจรรู้สึกอ่อนใจเลยบอกว่า
“ถ้าอย่างนั้นฉันไม่ฆ่าหรอก” หลวงพ่อดีก็พูดเหมือนเคย
“ไม่ฆ่าก็ดีเนาะ” โจรถามอีก
“ทำไมฆ่าก็ดี ไม่ฆ่าก็ดีอีก” หลวงพ่อดีบอกว่า
“การ ฆ่ามันเป็นบาป เอ็งจะต้องชดใช้เวรทั้งชาตินี้และชาติหน้า อย่างน้อยตำรวจเขาจะต้องตามจับเอ็งเข้าคุก เข้าตะราง หรือไม่ก็ถูกฆ่าตาย ตายแล้วก็ยังตกนรกอีก” โจรเลยเปลี่ยนใจ
“ถ้าอย่างนั้นฉันไม่ปล้นหลวงพ่อแล้ว” หลวงพ่อดีก็ตอบอีกว่า
“ไม่ปล้นก็ดีเนาะ”
มี ผู้เล่าต่อมาว่า ในที่สุดโจรคนนั้นก็สำนึกบาปเข้ามอบตัวกับตำรวจ เมื่อพ้นโทษออกมาก็ขอให้หลวงพ่อดีบวชให้และบำเพ็ญศีลภาวนาตลอดมา ส่วนหลวงพ่อดีมีคนให้ฉายาท่านว่า “หลวงพ่อดีเนาะ” มาจนทุกวันนี้

ท่านมีตัวตนอยู่จริงครับ

พระเทพวิสุทธาจารย์ (หลวงปู่ดีเนาะ)
วัดมัชฌิมาวาส อ.เมือง จ.อุดรธานี


มหาสุ

  • **แก้ไข**
  • คะแนนอนุรักษ์เพลง 749
  • กระทู้: 135
  • Thank You
  • -Given: 323
  • -Receive: 749
Re: หลวงพ่อ ดีเนาะ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2013, 09:44:39 PM »

เจ้าอาวาสวัดมัชฌิมาวาสอุดรธานีรูปที่ 3     
                  ใน ภาคอีสาน มีเกจิอาจารย์จำนวนมากมายหลายสิบองค์ ที่มีลูกศิษย์ที่นับถือกราบไหว้สักการะ  ซึ่งเกจิอาจารย์ที่ว่านั้น ส่วนมากนั้นเป็นพระที่อยู่ในสายของธุดงค์กรรมฐานเสียเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นท่านหลวงปู่มั่น ภูมิทตฺโต, หลวงปู่ฝั้น อาจาโร, หลวงปู่ขาว อนาลโย, หลวงปู่วัน วัดถ้ำส่องดาว จังหวัดสกลนคร, หลวงปู่เครื่อง ธมฺมจาโร วัดเทพสิงหาร อำเภอน้ำโสม จังหวัดอุดรธานี, หลวงปู่ชอบ ฐานสโม จังหวัดเลย เป็นต้น

                  ในจังหวัดอุดรธานี มีเกจิอาจารย์รูปหนึ่งที่ เป็นพระสงฆ์หรือเป็นพระเกจิอาจารย์รูปหนึ่งที่มีลูกศิษย์ลูกหาไม่น้อย พระเกจิอาจารย์รูปนั้นไม่ได้เป็นพระเกจิอาจารย์ที่อยู่ในสายของมหายาน ท่านคือ พระเดชพระคุณพระเทพวิสุทธาจารย์ หรือ เป็นที่รู้จักกันอย่างดีว่า "หลวงปู่ดีเนาะ" แห่งวัดมัชฌิมาวาส อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี แต่ถ้าเอ่ยชื่อของพระเดชพระคุณท่าน  โดยเฉพาะในเขตเทศบาลแล้ว ชื่อของพระเดชพระคุณพระเทพวิสุทธาจารย์ เจ้าอาวาสองค์ที่  3  แห่งวัดมัชฌิมาวาสนั้น น้อยคนที่จะรู้ว่าท่านเป็นใคร แต่ถ้าเอ่ยชื่อถึง "หลวงปู่ดีเนาะ" แล้วทุกคนจะรู้จักท่านเป็นอย่างดี เพราะท่านหลวงปู่ดีเนาะที่ว่านี้ ท่านเป็นพระสงฆ์ หรือที่เรียกกันติดปากว่า พระเกจิอาจารย์ที่มีประชาชนเหล่าพุทธศาสนิกชนให้ความเคารพ นับถือมากไม่แพ้พระเกจิอาจารย์รูปอื่น ๆ ในประเทศไทยเลยทีเดียว

                  พระเดช พระคุณพระเทพวิสุทธาจารย์ หรือ หลวงปู่ดีเนาะ นั้น การติดตามสืบหาอัตชีวประวัติส่วนตัวของท่านนั้น ไม่ค่อยจะมีปรากฏให้เห็นมากนัก เพราะเนื่องจากว่าท่านจะไม่ค่อยทิ้งหลักฐานเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของท่าน เอาไว้ให้คนรุ่นหลังได้ทราบ จะมีบ้างก็เพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ได้รับการรวบรวมจาก พระเดชพระคุณพระธรรมปริยัติโมลี เจ้าคณะภาค 8 เจ้าอาวาสวัดมิชฌิมาวาสองค์ที่ ๕ เก็บไว้ในหนังสือประวัติของวัดมัชฌิมาวาส

                  พระเดชพระคุณพระเทพวิสุทธาจารย์ หรือหลวงปู่ดีเนาะ นามเดิมว่า บุ ปลัดกอง เกิดที่บ้านดู่ ตำบลบ้านดอน อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. 2415 บิดาชื่อ นายทา ปลัดกอง มารดาชื่อ นางปาน ปลัดกอง เมื่อมีอายุได้ 19 ปี ครอบครัวของท่านได้อพยพย้ายถิ่นฐานอาศัยจากจังหวัดนครราชสีมา มาอยู่ที่บ้านทุ่งแร่ ตำบลหมูม่น อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี ในปัจจุบันนี้

                  เมื่ออายุได้ 22 ปี ได้บวชเป็นสามเณรที่วัดบ้านโนนสว่าง บ้างทุ่งแร่ นั่นเอง และต่อมาอีกหนึ่งปี ท่านก็ได้รับ การอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ที่วัดบ้านบ่อน้อย ตำบลเชียงยืน อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี มีพระอธิการกัน วัดสระบัว บ้านสร้างแป้น เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า "ปุญญสิริ" เมื่ออุปสมบทเป็น พระภิกษุแล้วนั้น ได้ไปจำพรรษา อยู่ที่วัดบ้านโนนสว่าง บ้านทุ่งแร่ อยู่ 3 พรรษาจึงได้ย้ายสำนัก ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดมัชฌิมาวาส เมื่อ พ.ศ. 2440

                  พระเดชพระคุณพระเทพวิสุธาจารย์ ได้เลื่อนสมณศักดิ์ตามกาลเวลาเรื่อย ๆ จนกระทั่งสุดท้ายท่านได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้น เทพ มีราชทินนามว่า "พระเทพวิสุทธาจารย์ สาธุอุทานธรรมวาที ปูชนียฐานประยุต เชษฐวุฒอิสาน คณาธิกร มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี" และซึ่งก่อนหน้านั้นท่าน ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดมัชฌิมาวาส เมื่อยังคงเป็นพระบุ (ปุสิริ) เมื่อ พ.ศ.2451 นับว่าเป็นเจ้าอาวาสองค์ที่ 3 ของวัดมัชฌิมาวาส

                  ในขณะนั้นที่ท่านหลวงปู่ดีเนาะดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัด มัชฌิมาวาสนั้น ท่านได้ทำการบูรณะวัดมัชฌิมาวาสในด้านต่าง ๆ ให้เกิดความเจริญรุ่งเรือง ไม่ว่าจะเป็นถาวรวัตถุและเสนาสนะ เช่น พระอุโบสถ ศาลาการเปรียญ โรงเรียนปริยัติธรรมและกุฎิของพระลูกวัดจำนวนมาก ที่เห็นในปัจจุบันนี้นั้นล้วนแต่ได้รับ การบูรณะปฏิสังขรณ์ขึ้นในสมัยที่ท่านหลวงปู่ดีเนาะทั้งสิ้น นอกจากในด้านถาวรวัตถุของวัดแล้ว ท่านหลวงปู่ดีเนาะ ท่านก็ยังหันมาพัฒนาในด้านของการศึกษาของพระภิกษุสามเณรที่อยู่ในวัดแห่งนี้ โดยการจัดตั้งโรงเรียนปริยัติธรรมขึ้นมา สอนนักธรรมบาลีตามหลักสูตรของราชการคณะสงฆ์ ตั้งแต่นักธรรมชั้นตรีถึงนักธรรมชั้นเอก และประโยค ๑-๒ ถึงประเปรียญธรรม 6 ประโยค
หลวงปู่ดีเนาะหรือพระเดชพระคุณพระเทพวิสุทธาจารย์ ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดมัชฌิมาวาส ตั้งแต่ พ.ศ.2451 จนกระทั่ง พ.ศ.2513 จึงได้ถึงแก่มรณภาพลง ตรงกับวันที่ 10 มีนาคม 2513 ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 4 ปีระกา เวลา 09.10 น. ด้วยโรคชรา รวมอายุท่านหลวงปู่ได้ 98 ปี เป็นเจ้าอาวาสวัดมัชฌิมาวาส เป็นเวลา 63 ปี พรรษาได้ 76 พรรษา           

                  หลาย ๆ คนอาจจะมีความสงสัยว่า เป็นเพราะเหตุใด พระเดชพระคุณพระเทพวิสุทธาจารย์ จึงมีฉายาอีกว่า "หลวงปู่ดีเนาะ" ความเป็นมาของฉายาดังกล่าวนั้น เป็นที่กล่าวขานกันในหมู่ลูกศิษย์และประชาชนทั่วไป ที่เคยใกล้ชิดกับท่านกล่าวว่า ตามปกติวิสัยของท่านหลวงปู่ดีเนาะนั้น ท่านชอบอุทานหรือกล่าวคำว่า "ดีเนาะ" และคำว่า "สำคัญเนาะ" และท่านจะเรียกคนทั่วไปรวมทั้งพระภิกษุและสามเณร หรือคฤหัสถ์ ว่า "หลวง" เวลาท่านหลวงปู่ดีเนาะจะพูดคุยกับใครก็ตาม ท่านก็จะออกปากเรียกคนที่ท่านคุยด้วยว่า "หลวง" และเมื่อท่านจะต้องกลายเป็นผู้รับฟังนั้น ท่านก็จะมีคำอุทานวาจาว่า “ดีเนาะ” อยู่เป็นอาจินต์ ไม่ว่าเรื่องที่ท่านได้รับฟังนั้นจะเป็นดี หรือเรื่องร้ายเพียงใดก็ตาม ท่านหลวงปู่ดีเนาะก็จะเอ่ยปากอุทานว่า ดีเนาะ หรือ สำคัญเนาะ จากคำอุทาน หรือคำพูดที่ท่านหลวงปู่ติดปากนี้เอง ประชาชนและลูกศิษย์ของท่านหลวงปู่ จึงตั้งฉายาหรือสมานาม ท่านหลวงปู่ว่า "หลวงปู่ดีเนาะ" แม้กระทั่งในการได้รับ พระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ของท่านนั้น ราชทินนามของท่านก็ยังมีคำว่า "สาธุอุทานธรรมวาที" ซึ่งแปลว่า "ดีเนาะ" อยู่ในราชทินนามของท่านด้วย


บันทึกการเข้า

มหาสุ

  • **แก้ไข**
  • คะแนนอนุรักษ์เพลง 749
  • กระทู้: 135
  • Thank You
  • -Given: 323
  • -Receive: 749
Re: หลวงพ่อ ดีเนาะ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2013, 09:49:48 PM »


เมื่อครั้ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จมาที่วัด ..

ญาติโยมกลัวหลวงปู่จะไปหลงพูดคำว่า ดีเน๊าะ กับพระเจ้าอยู่หัวฯ
จึงกำชับหลวงปู่ว่า ไม่ให้หลวงปู่พูดอะไร ให้นั่งเฉยๆ ยิ้มไว้ก็พอ

เมื่อพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้ปฏิสันธานกับหลวงปู่ ..
หลวงปู่ก็ไม่ตอบ นั่งนิ่ง และ ยิ้มเฉย จนพระเจ้าอยู่หัวฯ เกรงว่า
หลวงปู่จะไม่เข้าใจคำถามจึงให้ข้าราชบริพารที่มาด้วย
สอบถามหลวงปู่ ด้วยภาษาอิสานอีกครั้ง

ประโยคแรกที่หลวงปู่ดีเน๊าะตอบ ..
" ดีเน๊าะหลวง ดีเน๊าะ มหาบพิธ เขาบ่ให่เฮาเว้า(พูด)
เขาย่าน(กลัว) ว่าเฮาจะพูดบ่มวน( พูดไม่เพราะ ) ดีเน๊าะหลวง "

ด้วยคำว่า " ดีเน๊าะหลวง "  นี่แหละ คือต้นเหตุที่หลวงปู่
ได้ฉายาและพระราชทานนามว่า
" พระเทพวิสุทธาจารสาธุอุทานธรรมวาที”

พระผู้มีวาจาไพเราะเป็นที่สุด


บันทึกการเข้า

เผ่าพงษ์ ปัตตานี

  • ชาวบ้านเพลงไทยอาวุโส
  • คะแนนอนุรักษ์เพลง 2009
  • กระทู้: 507
  • Thank You
  • -Given: 3223
  • -Receive: 2009
Re: หลวงพ่อ ดีเนาะ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: สิงหาคม 21, 2013, 03:14:33 PM »
    หลังจากที่ได้อ่านเรื่องนี้จบแล้วรู้สึก "ดีเน๊าะ" ท่านมหาสุ  ผมจำไม่ได้แม่นว่าเคยไปกราบไหว้รูปเหมือนท่านมาแล้วเหมือนกันหรือไม่ที่วัดนี้อยู่ใจกลางเมืองอุดร ที่เป็นอาคารเจดีย์สูงใหญ่  แต่ก็นานมากแล้วเจ้าของพื้นที่เขาพาไปกราบไหว้เพื่อเป็นสิริมงคล สาธุ


บันทึกการเข้า

ชบาบาน

  • ชาวบ้านเพลงไทยอาวุโส
  • คะแนนอนุรักษ์เพลง 382
  • กระทู้: 95
  • Thank You
  • -Given: 412
  • -Receive: 382
Re: หลวงพ่อ ดีเนาะ
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: สิงหาคม 23, 2013, 02:56:28 PM »
ได้สดับเรื่องราวของอริยสงฆ์แต่ละรูปแล้วมันชื่นมื่นจนบอกไม่ถูก บุญแล้วที่เกิดเป็นคนไทย เป็นคนศาสนาพุทธมาแต่กำเนิด ถ้าจะเกิดอีกสักกี่ร้อยกี่พันชาติ ก็ขอเป็นคนไทย ขอเป็นคนศาสนาพุทธนี่แหละขอรับ


บันทึกการเข้า

สหพงศ์

  • ชาวบ้านเพลงไทยอาวุโส
  • คะแนนอนุรักษ์เพลง 246
  • กระทู้: 76
  • Thank You
  • -Given: 630
  • -Receive: 246
Re: หลวงพ่อ ดีเนาะ
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: สิงหาคม 24, 2013, 10:44:18 AM »
ท่านไม่มีความโกท่านไม่หลงใจท่านบริสุทธิ์จริงๆถ้ามนุษย์ทุกคนทำได้อย่างหลวงพ่อคงก็จะดีมากโลกคงจะเจริญอีกเยอะเดี่ยวนี้หาพระดีๆน้อยมากครับ


บันทึกการเข้า

ดาวเรือง

  • กรรมการบ้านเพลงไทย
  • คะแนนอนุรักษ์เพลง 1934
  • กระทู้: 454
  • Thank You
  • -Given: 3088
  • -Receive: 1934
  • เพลงคือชีวิต
Re: หลวงพ่อ ดีเนาะ
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: สิงหาคม 28, 2013, 08:42:49 AM »
ดีเนาะที่ได้อ่าน...สาธุ


บันทึกการเข้า