กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

ผู้เขียน หัวข้อ: พระเอก..ตลอดกาล(ภาค 1 )  (อ่าน 3679 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ลุงชัยนรา

  • ความเปลี่ยนแปลง เป็นนิรันดร์
  • ชาวบ้านกิตติมศักดิ์
  • คะแนนอนุรักษ์เพลง 3715
  • กระทู้: 910
  • Thank You
  • -Given: 3245
  • -Receive: 3715
  • ชีวิตนี้ยอมพลี เพื่อแผ่นดิน
พระเอก..ตลอดกาล(ภาค 1 )
« เมื่อ: ตุลาคม 08, 2013, 12:35:15 AM »

........... นับตั้งแต่ ต้นเดือน กันยายน พ.ศ. 2556  เป็นต้นมา ลุงชัยใช้เวลารวบรวมข้อมูลชีวประวัติที่ถูกต้องจากหลาย แหล่งข้อมูล และสะสมภาพถ่ายต่างๆมากมาย ของ มิตร ชัยบัญชา เพื่อนำมาเผยแพร่ให้เป็นข่าวสารความรู้สำหรับผู้รักการอ่าน และเป็นการเชิดชูให้คนดีไม่ให้ถูกลืมไปจากสังคมไทย วันที่ 8 ตุลาคมที่จะถึงนี้ ครบรอบ ๔๓ ปี ของการจากไป มิตร ชัยบัญชา จึงขอนำข้อมูล ชีวประวัติ มาลงในบ้านเพลงไทย เพื่อ สาระและความบันเทิง ฝากเพื่อนร่วมบ้านทุกคน......

.....ก่อนมาเป็น มิตร ชัยบัญชา
”มิตร ชัยบัญชา” หรือที่อีกหลายคนรู้จักกันดีในนาม ”พิเชษฐ์ พุ่มเหม” เป็นคนจังหวัดเพชรบุรีโดยกำเนิด ซึ่ง ”มิตร” เกิดเมื่อวันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2477 ที่หมู่บ้านไสค้าน อำเภอท่ายาง เป็นลูกชายของคุณพ่อ ชม ระวีแสง กับ คุณแม่สงวน ระวีแสง  ในขณะที่ ”มิตร” ลืมตาดูโลกนั้นทางคุณพ่อซึ่งรับราชการเป็นพลตำรวจ ได้เดินทางไปราชการยังท้องที่ห่างไกล จนกระทั่งเงียบหาย ขาดการติดต่อ ปล่อยให้ นางสงวน เลี้ยงเพียงลำพัง จนกระทั่งเกิดอาการน้อยใจ จึงนำเอาไปฝากให้ทางปู่กับย่าเลี้ยงตั้งแต่อายุได้ 1 ขวบ ก่อนที่แม่จะหายสาบสูญไปอีกคน ปล่อยให้เขาอยู่กับปู่และย่าที่แก่ชรา ทำให้ทางปู่กับย่า ตลอดจนชาวบ้านบริเวณดังกล่าวช่วยกันตั้งชื่อให้ว่า ”บุญทิ้ง ระวีแสง” คงจะไม่มีชื่อใดที่จะเหมาะสมไปกว่าคำว่า บุญทิ้ง อีกแล้ว ต่อมาไม่นานทั้งปู่กับย่าได้สิ้นบุญ ปล่อยให้เด็กน้อยโดดเดี่ยวลำพังเพียงคนเดียว โชคดีที่เด็กน้อยยังมีน้องของพ่ออีกคนที่บวชเป็นเณร ชื่อ แช่ม ระวีแสง อยู่ที่วัดไสค้าน จึงเอาเด็กน้อย ”บุญทิ้ง” ไปเลี้ยงดูด้วยความสงสาร และได้เข้าเรียนที่โรงเรียนประชาบาลวัดจันทร์ จนกระทั่งอายุได้ 8 ขวบ
         แต่อยู่ดี ๆ ตอนอายุ 8 ขวบ แม่ก็ปรากฏตัวขึ้นมา เด็กน้อยบุญทิ้งไม่สามารถรับได้ วิ่งหนีไปหลบอยู่บนต้นไม้ หลวงอาซึ่งตอนนั้นบวชเป็นพระแล้วได้มาอธิบายให้เข้าใจถึงความจำเป็นที่แม่ ต้องจากไป เด็กน้อยเข้าใจดีที่ตนไม่ต้องกำพร้าอีกแล้ว ลงจากต้นไม้โผเข้าหาอ้อมอกแม่เป็นครั้งแรกตั้งแต่จำความได้ บุญทิ้งคิดว่าต่อไปคงจะมีความสุข แต่แล้วมันไม่สุขสมหวังอย่างที่คิด เมื่อแม่บังเกิดเกล้าบอกให้เด็กน้อย บุญทิ้ง เรียกตน ว่า ป้า แทนคำว่าแม่ เพราะว่าแม่ได้แต่งงานใหม่ โดยจะนำเขาไปกรุงเทพ ฯ ในนามของหลานชาย แม่เห็นว่า ชื่อบุญทิ้งไม่เหมาะ และยังบาดใจด้วย และเปลี่ยนชื่อให้ใหม่เป็น สุพิศ และใช้นามสกุลของน้าซึ่งเป็นน้องสาวของแม่ว่า นิลสีทอง
มิตร เข้ามาอยู่กรุงเทพฯ ไม่ใช่สบายอย่างที่คิดแต่ลำบากยิ่งกว่าตอนอยู่วัด อยู่วัดจะมีอาหารรออยู่ทุกเวลาแต่พอมาอยู่กรุงเทพ ฯ ต้องดิ้นรนช่วยเหลือพ่อเลี้ยง และแม่ที่มีฐานะยากจน ทำงานช่วยแม่ที่เป็นแม่ค้าไปพร้อมกับเรียนหนังสือ สุพิศ เข้าเรียนในชั้นประถมปีที่ 1 ที่โรงเรียน ไทยปราสาทวิทยา ซึ่งอยู่ใกล้ ฯ บ้านแถวนางเลิ้ง
ที่โรงเรียนนี้เขาได้มีโอกาสพบเพื่อนรักเพื่อนตายของเขา สองพี่น้องตระกูล (โชติชูตระกูล) คือ บำเทอง กับ ชาญชัย สุพิศได้ต่อสู้กับความยากลำบาก โดยมีบำเทอง กับ ชาญชัย เป็นคนคอยช่วยเหลือ ไปโรงเรียนสุพิศจะนุ่งกางเกงก้นปะมีรูปใบโพธิ์ไปเรียนทุกครั้ง ก่อนที่สุพิศจะจบการศึกษาในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 พ่อเลี้ยงก็ทราบความจริงว่า สุพิศ คือลูกของภรรยาตน พ่อเลี้ยงไม่ว่าอะไร และยังให้ใช้นามสกุลตน โดยเปลี่ยนชื่อให้ใหม่เป็น พิเชษฐ์ พุ่มเหม

ภาพนี้ มิตร อายุ 17 ปี จะอายุมากกว่าเพื่อนๆในรุ่นเดียวกัน เพราะเข้าเรียนช้ากว่าเพื่อนๆ ประมาณ 3 ปี

.....เมื่อสมัยที่ มิตร ชัยบัญชา เข้ามาอยู่ในกรุงเทพ สมัยนั้นเรียกว่า พระนคร ประเทศไทย ยังใช้ชื่อว่า สยาม และสงครามโลก ครั้งที่ 2 เริ่มต้นได้หนึ่งปีแล้ว ปีนั้นคือ ปี 2486 มิตร มีชื่อว่า เด็กชายบุญทิ้ง อายุ 9 ขวบ มาพักอยู่ในบ้านของแม่ที่นางเลิ้ง ซึ่งในเวลานั้นเรียกว่า อีเลื้ง ตลาดอีเล้งสมัยนั้น เป็นศูนย์รวมการขายผัก ขายผลไม้ ที่ส่งมาจากต่างจังหวัด และบริเวณโดยรอบตลาด เป็นชุมชนศิลปินหลากหลายแขนง เช่น ระนาด ขลุ่ย ซอ ไวโอลิน ลิเก ละครชาตรี โรงหนังในสมัยสงครามโลก ไม่มีหนังใหม่ๆ เข้ามาฉาย ต้องนำหนังเก่าๆ ที่มีตกค้างอยู่ในประเทศ มาเวียนฉาย ดูกันซ้ำๆ กันไปแก้ขัด ในที่สุดโรงหนังก็กลายเป็นเวทีละคร มีทั้งคณะละครร้อง ละครพูด วงการหนังไทยที่พัฒนาไปไกลถึงหนัง 35 มม. เสียงพูดจริงในฟิล์ม ตายสนิททั้งเป็น เพราะพิษของสงคราม ทุกอย่างขาดแคลน…
          เด็กชาย ”สุพิศ” ในขณะนั้นได้มีโอกาสเข้าเรียนที่ไทยประสาทวิทยา บริเวณตรอกศุภกร ถนนกรุงเกษม นางเลิ้ง ซึ่งในช่วงเย็นหลังเลิกเรียนทางเด็กชาย ”สุพิศ” หรือ ”มิตร” ได้ใช้เวลาว่างฝึกเพาะพันธุ์ปลากัดขาย เพื่อช่วยหารายได้มาเลี้ยงครอบครัวไปพลางๆมิตร ชัยบัญชา เข้ามาเติบโตไปพร้อมๆ กับ กองทหารไทย และกองทัพต่างชาติ เขาเติบโตขึ้นมากับความเป็นชาตินิยม และความเป็นสากล เมื่อพระนครโดนฝ่ายสัมพันธมิตรเอาระเบิดมาเททิ้งบอมบ์ ทุกวัน ทุกคืน เขาไม่มีที่จะหลบหนีไปไหนต้องเสี่ยงตายทุกวัน จนสงครามยุติ มิตร เป็นเด็กที่มีพรสวรรค์ในงานศิลปะ เช่นวาดรูปเก่ง ชอบงานช่าง เช่น งานไม้ ซ่อมแซมบ้าน ต่อตู้ ต่อเตียง ซ่อมรถจักรยาน ใช้เลื่อย ใช้ค้อน ตะปู เก่งและชำนาญ มิตร ชอบความบันเทิงทุกชนิด ทั้งหนัง ลิเก ละคร งิ้ว ชอบไปหมด โดยเฉพาะรำกลองยาว ชอบที่สุด…
มิตร มีนิสัยประจำตัวเป็นคนขยันทำมาหากินมาตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือ รับจ้างตั้งแต่ รับล้างจานก๋วยเตี๋ยวในตลาดนางเลิ้ง รับจ้างช้อนลูกน้ำ รับขนมไทยไปเร่ขายตามบ้านสะสมเงินได้มากขึ้นก็ไปซื้อจักรยานเก่าๆมาซ่อมเอง แล้วปล่อยให้เด็กๆ เช่าหัดขี่เล่น  มิตรขยัน เพราะ อยากมีเงิน อยากเป็นคนรวย อยากเป็นเศรษฐ๊ เป็นความมุ่งมั่นที่ติดตัวมาตั้งแต่เรียนหนังสือ ชอบสวมแว่นตากันแดด ชอบผูกนาฬิกาชอบแต่งตัว ทุกอย่างมีได้ด้วยเงินที่ตัวเองหามาได้ด้วยลำแข้งทั้งสิ้น นอกจากนี้ในปี พ.ศ. 2494 ”มิตร” ได้ชกมวยสากลนักเรียนสมัครเล่น รุ่นเฟเธอร์เวต แถมในปีถัดไปเจ้าตัวยังได้แชมป์รุ่นไลต์เวทในการแข่งขันกีฬานักเรียน จนสร้างชื่อเสียงโด่งดังให้กับโรงเรียนดังกล่าวพอสมควร จนกระทั่งจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

ภาพนี้ มิตร อายุ 20 ปี กำลังเรียนชั้น ม.6 ปีสุดท้าย สอบปลายภาคเสร็จแล้ว กำลังจะแยกย้ายไปสอบเรียนต่อในที่ต่างๆ ตามถนัดของแต่ละคน
เมื่อจบ ม. 6 มิตร ก็สอบเข้าเรียนโรงเรียนเตรียมอุดม ที่พระนครวิทยาลัย แต่เรียนได้ 1 ปีก็ลาออก จากนั้น  ไปเรียนทหารอากาศ ด้วยเหตุผลหลายประการ เช่น รักชาติ อยากเป็นลูกทัพฟ้า อยากเป็นนักบิน ชอบบู๊ อีกอย่างเรียนทหารสมัยนั้นได้เป็นนักเรียนประจำ กิน นอน ที่โรงเรียน และได้เรียนฟรีด้วย ช่วยแบ่งเบาภาระทางบ้านที่ฐานะยังไม่ค่อยดีเท่าไร จึงตัดสินใจลองสอบเข้าเรียนศิษย์การบินรุ่น ป.15 ที่กองโรงเรียนการบิน (โคราช) และสามารถสอบได้ดังใจหวัง  แต่แล้วความหวังของเขาต้องพังทลายลง เมื่อวันหนึ่งขณะ เข้าเวร เพื่อนนักเรียนได้แอบเอาเครื่องบินขับไปลงที่ประเทศลาว ผู้อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดต่างถูกสอบสวน โชดดีที่ได้พ่อของบำเทอง ซึ่งรู้จักกับผู้ใหญ่ทางกองทัพ ช่วยให้ไม่ต้องออก แต่ต้องย้ายเหล่าไปเรียนโรงเรียนจ่าอากาศโยธินดอนเมือง
มิตรถูกส่งตัวไปยังกองโรงเรียนจ่าอากาศโยธิน ดอนเมือง พร้อมกับเพื่อนร่วมรุ่นอีก 10 คน จนกระทั่งเรียนสำเร็จได้เป็นครูฝึกที่กองพันต่อสู้อากาศยาน ดอนเมือง พร้อมกับรับพระราชทานยศ ”จ่าอากาศโท”

          เมื่อครั้งเป็นครูฝึกทหารนั้น ได้รับสมญานามว่า “จ่ามหากาฬ” ด้วยนิสัยที่เข้มงวด เอาจริง เอาจัง รักษาระเบียบ วินัยเป็นที่สุด กองทหารที่จ่ามหากาฬคุม จะถูกฝึกอย่างหนัก ทั้งระเบียบ วินัย ท่าทางการต่อสู้ การใช้อาวุธ จนกองทหารของเขาได้รับคำชมเชยจากกองทัพ เสมอๆ ว่า มีคุณภาพสูงสุด และตัวจ่ามหากาฬเอง ได้รับเงินเดือนสองขั้นติดต่อกันสองปี ในเวลาต่อมา เมื่อจ่าทำเรื่องขออนุญาติมาแสดงหนัง มาเป็นพระเอกหนัง เจ้านายก็อนุญาติและสนับสนุน ถือว่าเป็นหน้าเป็นตาให้กับกองทัพ และยังยินยอมให้ไว้ผมยาวได้เป็นกรณีพิเศษ
แต่สิ่งที่ มิตร ชัยบัญชา ภาคภูมิใจมาตลอด คือ ตัวเขาได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนของกองทัพอากาศ ทุกปี นับตั้งแต่เขาเข้ารับราชการ ให้เป็นผู้อัญเชิญธงไชยเฉลิมพลในพระราชพิธี สวนสนามสาบานตน ของทหารทุกเหล่าต่อองค์พระประมุข พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ซึ่งพวกเราคงเคยเห็นถ่ายทอดทางทีวี และความภาคภูมิใจนี้ เป็นที่มาของนามสกุล ชัยบัญชา นั่นเอง สำหรับชื่อ มิตร นั้น ได้มาเพราะชีวิตเขามีแต่ เพื่อนแค่นั่นเอง… มิตร ตั้งแต่เรียนชั้นมัธยม 1 จนจบมัธยม 6 รับหน้าที่เป็นหัวหน้าชั้นมาโดยตลอด เป็นที่พึ่งของเพื่อนๆ ช่วยทำเวรห้อง ดูแลความสะอาดของห้อง ความเรียบร้อยต่างๆ ภายในห้อง และช่วยงานครูประจำชั้นตามที่ครูสั่ง มิตร เล่นกีฬาชกมวยสากล เป็นนักมวยของโรงเรียน ความใฝ่ฝันของเขา คือ อยากเป็นนักบิน อยากเป็นทหาร และเคยพูดให้เพื่อนฟังว่า อยากเป็นพระเอกหนัง และในที่สุด เขาได้เป็นทั้งสามอย่าง…

(ยังไม่จบ รอภาค 2)



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 08, 2013, 08:29:43 AM โดย ลุงชัยนรา »
บันทึกการเข้า

** กระทู้แรกที่ควรอ่านเมื่ออยู่บ้านเพลงไทย **

ลือ

  • ฟังดนตรีเถิด ชื่นใจ...
  • ชาวบ้านกิตติมศักดิ์
  • คะแนนอนุรักษ์เพลง 4066
  • กระทู้: 864
  • Thank You
  • -Given: 3919
  • -Receive: 4066
  • ชอบเพลงลูกกรุงเก่าๆครับ
Re: พระเอก..ตลอดกาล(ภาค 1 )
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ตุลาคม 09, 2013, 10:47:36 AM »
รูปคุณมิตร ชัยบัญชา รูปแรก (บนสุดของกระทู้)
           ถ่ายได้ สวย... ทั้งคน ทั้งฉาก สี แสง-เงา
                สมกับคำว่า เป็น"ดารา"จริงๆนะครับ

           ผมชอบรูปถ่าย ที่ถ่ายจากช่างในร้านสมัยเก่ามากครับ
                  เขาจัดฉาก ถ่ายได้ออกมา ดูดีทุกคน...


บันทึกการเข้า