สโมสรบ้านเพลงไทย > ห้องสันทนาการ

เหมืองทองคำ โต๊ะโมะ สุคิริน

(1/1)

ลุงชัยนรา:
                                          เหมืองทองคำโต๊ะโมะ
                                       


               เหมืองทองคำอยู่บริเวณบ้านโต๊ะโมะ ตำบลภูเขาทอง อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส ห่างจากชายแดนมาเลเซียเพียง 800 เมตร โดยแหล่งแร่อยู่ในป่าดิบกลางหุบเขา ชาวบ้านเรียกว่าเขาโต๊ะโมะและเขาลิโช ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาสุไหงโก-ลก เป็นหุบเขาที่ทึบแน่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ชื้นและฉ่ำฝนอยู่แทบทุกฤดูกาล จนเป็นต้นกำเนิดของลำห้วยลิโช อันเป็นสาขาหนึ่งของต้นแม่น้ำสายบุรี และตามสายน้ำที่ไหลคดเคี้ยวลงมาจากป่าลึกและขุนเขานี้เองที่มีผงทองคำปะปนลงมา ชาวบ้านอาศัย "เลียง" เครื่องมือร่อนทำด้วยไม้ รูปร่างคล้ายกระทะ ตักเศษดินเศษหินใต้น้ำขึ้นมาร่อนหาทองคำ โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนที่น้ำจะหลากลงมาจากเขา พัดพาเอาเกล็ดทองคำลงมาจมอยู่ก้นลำห้วย

                                                                         

การร่อนทองแบบชาวบ้านดำเนินมาช้านาน ชาวจีนชื่อ "ฮิว ซิ้นจิ๋ว" ซึ่งทำมาค้าขายอยู่แถบไทย-มาเลเซียนำพรรคพวกราว 50 คน เข้าขุดค้นหาทองคำด้วยวิธีการร่อนเอาตามสายน้ำตั้งแต่บ้านกาลูบีขึ้นไปทางต้นน้ำ จนเกือบถึงเขตแดนมาเลเซีย พวกเขาพบว่ายิ่งใกล้ต้นน้ำเท่าใดปริมาณทองคำที่ติดก้นเลียงยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น เมื่อข่าวนี้แพร่ออกไปผู้คนจำนวนมากก็หลั่งไหลมาแสวงโชค ณ ดินแดน แถบนี้ ประมาณกันว่ามีมากถึงพันกว่าคน และนักแสวงโชคเหล่านั้นก็ร่อนหาทองคำได้ถึงวันละ 1-2 สลึงทีเดียว

เมื่อข่าวการพบทองที่โต๊ะโมะเป็นที่โจษจันกันมากขึ้น รัฐบาลไทยมอบหมายให้ "อาฟัด" บุตรชายของฮิวซิ้นจิ๋ว ซึ่งรับสืบทอดงานขุดหาทองคำต่อจากบิดา เป็นผู้รักษาผลประโยชน์ให้รัฐบาล โดยเก็บภาษีจากชาวบ้านที่เข้าไปขุดค้นหาทองคำ อาฟัดเปรียบได้กับนายอำเภอของโต๊ะโมะในสมัยนั้น ต่อมาได้รับพระราชทานราชทินนามเป็น "หลวงวิเศษสุวรรณภูมิ" เขาเป็นบิดาของ ฉัตรชัย วิเศษสุวรรณภูมิ หรือ พนมเทียน และดินแดนสุดแดนใต้อันลี้ลับ เร้นลึกที่เหมืองโต๊ะโมะซึ่งปู่และพ่อเป็นผู้บุกเบิกนี่เอง คือส่วนหนึ่งของแรงบันดาลใจก่อกำเนิดนวนิยายผจญภัยอันแสนโด่งดัง "เพชรพระอุมา" และ ฮิวซิ้นจิ๋ว ก็คือต้นตระกูล วิเศษสุวรรณภูมิ

ดินแดนแห่งขุนเขาและป่าลึกที่เติบโตด้วยทองคำแห่งนี้ ถูกเปลี่ยนเป็นเหมืองครั้งแรกใน พ.ศ.2473 โดยชาวอังกฤษเข้ามาติดตั้งเครื่องจักรทำเหมืองทองคำอยู่ระยะหนึ่ง แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรจึงเลิกกิจการไป ก่อนที่เหมืองทองคำจะดำเนินการอย่างเป็นระบบและจริงจังใน พ.ศ.2475 เมื่อบริษัทฝรั่งเศสชื่อ Societe d"Or de Litcho เข้ามาสำรวจและพบว่าลึกลงไปในผืนดินของขุนเขาโต๊ะโมะและลิโช ซึ่งอยู่ในแนวเทือกเขาสุไหงโก-ลก มีแร่ทองคำอยู่มาก ที่สำคัญเนื้อทองคำมีเปอร์เซ็นต์สูง จึงได้ขอสัมปทานจากรัฐบาลไทยทำเหมืองทองคำเป็นเวลา 20 ปี

บริษัทฝรั่งเศสมีราษฎรอพยพเข้ามาเป็นกรรมกรเหมืองจำนวนมาก กิจการดำเนินไปจนเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 เหมืองทองคำต้องปิดตัวลง ชาวฝรั่งเศสเดินทางกลับประเทศ ประวัติศาสตร์แห่งเหมืองทองโต๊ะโมะจึงเปิดบันทึกหน้าใหม่ โดยการดำเนินการของรัฐบาลไทย แต่ทำได้ไม่นาน ก็ประสบปัญหาขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ เพราะอยู่ในช่วงสงครามจึงต้องสั่งปิดเหมือง เหมืองทองที่เคยคึกคักกลายเป็นเหมืองร้าง พร้อมกับมีข่าวว่าโจรจีนคอมมิวนิสต์ (จคม.) เข้ามาซุ่มอาศัยยังดินแดนแถบนี้ และใช้เป็นขุมกำลังในการเข้าไปโจมตีและรังควานอังกฤษที่ยังครอบครองมลายูอยู่ ต่อมารัฐบาลให้สัมปทานบริษัทเอกชน ดำเนินกิจการอยู่พักหนึ่งก่อนเลิกไป

ปัจจุบันชุมชนจัดตั้งพิพิธภัณฑ์เหมืองโต๊ะโมะให้ผู้สนใจเข้าชมบริเวณที่เคยเป็นเรือนพัก จุดล่องแพและอุปกรณ์ร่อนแร่ทองคำ

ชญาดา:
นราธิวาส เป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่คิดว่า หลายท่านคงอยากไปเืยือน จ้า

เผ่าพงษ์ ปัตตานี:
ขอชื่นชม "ลุงชัย นรา" ด้วยความจริงใจครับ 
    ภายหลังจากเปิดบ้านหลังใหม่นี้มาไม่นาน  ลุงชัย ได้นำเสนอข้อมูลที่น่าสนใจในท้องถิ่นตัวเองให้สมาชิกได้รับทราบกันเยอะจริงๆ
       บางเรื่องในเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยผมเองก็เพิ่งจะรู้  ก็ได้จากตรงนี้แหละครับซึ่งเยอะมากจริง  ทั้งๆที่พื้นที่นี้เมื่อก่อนก็เคยเป็นพื้นที่ทำมาหากินของผมมาแล้วด้วย (ดีที่ยังอยู่ครบ 32...อิอิอิ)
            ดีครับลุงชัย....เพื่อนจะได้ไม่แลบ้านเราน่ากลัวเกินไป...อิอิอิ

ลุงชัยนรา:
ขอบคุณครับคุณเผ่าพงษ์ ผมจะพยายาม ให้พวกเราหลายๆคนได้รับทราบ และได้มีมุมมอง ที่ดีกับบ้านของผมบ้าง เพราะมีแต่ข่าว ภาพลบ มาตลอด สิ่งใดที่พอช่วยยกระดับ บ้านเราให้อยู่ในระดับสายตาคนทั่วไป ผมจะพยายาม ครับ

ลือ:
   ผมมีของเก่า ....
          ที่เขาเก็บได้จากเหมืองทองโต๊ะโมะ สุคิริน มาให้ดูกันครับ
    ( คือว่า หลานเขย-(แฟนของลูกสาว ของพี่สาวคนโตของผม) -ซึ่งก็เป็นทหาร ค่ายอิงคยุทธฯ (อายุคงประมาณ 2504)
    เอามาฝากน้าลือที่เชียงใหม่.... เพราะรู้ว่า ตาลือ ของลูกชายเขา ชอบสะสมของเก่ามากๆ...
       หลานเขยบอกว่า พ่อแม่เขา ไปแสวงโชคที่นั่นในช่วงหลังๆของเหมือง
                 ...เจอ 2สิ่งเล็กๆนี้ จมอยู่ใต้ดินลูกรัง)

     นี่ครับ...ผมถ่ายรูปเมื่อกี้ มาให้ดูกัน

     
     
     

1. ขวดยาดมจีน รุ่นเก่า เคลือบขี้เถ้าสีเขียวอ่อน แบบธรรมดา
     คงเป็นของคนงานจีน ซื้อมาใช้ติดตัว ....ยังมีเศษดินติดอยู่ในขวดครับ 
  (เปรียบเทียบกับของใหม่ ลายนกยูงของจีน-ที่ผมซื้อจากร้านขายของเก่า ถ.ท่าแพ เขียงใหม่
        ราคาเมื่อเกือบ 20ปีที่ผ่านมา ตอนนั้นแค่ 80 บาทเองครับ)

2. เบ้า สำหรับหลอมทองคำ....
      ใต้ก้น ปั๊มตราอักษร และตัวเลข  ลึกลงในเนื้อเบ้า
              ว่า MABOR INDIA 9  ครับ


                :61 :61 :61 :61 :61
             

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

Go to full version