ใครว่าการกอดจะจำกัดเฉพาะในคนหนุ่มสาวเท่านั้น การกอดยังรวมถึงแม่กอดลูก ผู้สูงอายุกอดหลาน ซึ่งการกอดในแบบหลังสุดเป็นการกอดเพื่อให้ความสุขกับผู้สูงอายุได้มากเลยทีเดียว งั้นเราไปกอดกันให้สุขภาพดีกันเถอะครับ
การกอดเป็นยารักษาโรค..ได้เหมือนกันน่ะ
การกอดถือว่าเป็นยาทางใจที่ดีอีกชนิดหนึ่งที่ไม่ต้องไปซื้อหาจากที่ไหน แค่เพียงคุณใส่ใจกันและกัน เพราะการกอดคือภาษากายที่สื่อสารออกไปว่า คุณยังรักและเห็นความสำคัญของคนในบ้าน หรือผู้สูงอายุอย่างท่านเสมอ
ซึ่งถ้าผู้สูงอายุเป็นคนขี้เหงาด้วยแล้ว การกอดถือว่าเป็นสิ่งที่เติมเต็มความรู้สึกของผู้สูงอายุได้ดีทีเดียว ลองดูผลการศึกษาเกี่ยวกับประโยชน์จากการกอดที่มีต่อสุขภาพทั้งทางร่างกายและจิตใจ แล้วคุณจะต้องเปลี่ยนใจ
ประโยชน์ทางร่างกาย
ป้องกันโรคหัวใจ เพราะการกอดจะเพิ่มระดับของฮอร์โมนออกซิทอกซิน (oxytocin เป็นฮอร์โมนแห่งความรักที่กระตุ้นให้ผู้หญิงกับผู้ชายรู้สึกรักและผูกพันกัน นอกจากนี้ยังเป็นฮอร์โมนที่ กระตุ้นให้มดลูกบีบตัวในตอนคลอด และกระตุ้นเต้านมให้หลั่งน้ำนมออกมา การเพิ่มระดับฮอร์โมนออกซิทอกซิน ส่งผลให้ความดันโลหิตลดลง โดยผู้หญิงจะถูกกระตุ้น
ให้หลั่งฮอร์โมนออกซิทอกซินมากกว่าผู้ชายในการกอดแต่ละครั้ง
ร่างกายลดการหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ก่อให้เกิดความเครียด
สมองหลั่งสารโดปามีน (dopamine) ซึ่งก่อให้เกิดความสุข ความพึงพอใจ ความปิติยินดี ความกระฉับกระเฉง และยังก่อให้เกิดการหลั่งสารแห่งความสุขตัวอื่นๆ อีก ได้แก่ สารเอนโดรฟิน (endorphin) และเซโรโทนิน (serotonin)
ลดอัตราการเต้นของหัวใจ
ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างดี
กระตุ้นการทำงานของฮีโมโกลบิน ซึ่งเป็นส่วนประกอบของเม็ดเลือดแดง ทำให้การลำเลียงของออกซิเจนไปยังเซลล์ต่างๆ ทั่วร่างกายดีขึ้น ผลที่ตามมาคือร่างกายจะกระปรี้กระเปร่าและแข็งแรง
ประโยชน์ทางใจ
รู้สึกอบอุ่น
รู้สึกมีความสุขและพึงพอใจ
รู้สึกเป็นที่ยอมรับ
รู้สึกผ่อนคลาย
สามารถเอาชนะความกลัว
มีความรู้สึกกล้าหาญที่จะเผชิญความท้าทายต่างๆ
ความสุขของผู้ให้
การกอดไม่ได้มีประโยชน์แค่กับผู้ถูกกอดเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์กับผู้ที่กอดด้วย เพราะการกอดนอกจากจะสร้างความรู้สึกว่าตนเองได้รับการยอมรับแล้ว ยังทำให้ผู้นั้นรู้จักที่จะเปิดเผยความรู้สึกของตนเองกับคนรอบข้าง ซึ่งเป็นการเสริมสร้างทักษะมนุษยสัมพันธ์กับผู้อื่น แล้วก็จะทำให้มองผู้คนรอบข้างในแง่ดีมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ก็ยังทำให้จิตใจอ่อนโยนขึ้น และท้ายที่สุดก็คือความสุข
ที่จะตามมา
เทคนิคเอาชนะความเขิน
แต่วัฒนธรรมไทยอาจจะไม่ได้มีพื้นฐานทางสังคมในการแสดงความรักต่อกันด้วยการกอด ดังนั้นเวลาจะกอดใครแต่ละครั้งเราก็อาจจะรู้สึกขวยเขินไม่มากก็น้อย จนอาจจะทำให้หลายคนหลีกเลี่ยงที่จะกอดเลยก็ได้ เราจึงมีเทคนิคที่จะช่วยคุณเอาชนะความเขินแล้วกล้าอ้าแขนกอดคนอื่นมาฝาก
คิดเสมอว่ากอดดีกว่าไม่กอด หากคุณลังเลว่าจะกอดผู้สูงอายุใน บ้านดีหรือไม่ เพราะใจหนึ่งก็อาย แต่อีกใจหนึ่งก็อยากกอด ถ้ามีความรู้สึกเช่นนี้เกิดขึ้น ลองคิดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากการกอดดูว่า หลังจากที่คุณกอดท่าน
แล้วคุณจะได้สัมผัสถึงความรัก ความผูกพัน เกิดความรู้สึกปิติอิ่มเอมใจ
ท่านก็อยากถูกกอด ถ้าความรู้สึกลึกๆ ของการไม่กล้ากอด เพราะกลัวท่านจะปฏิเสธไม่อยากถูกกอดก็คงต้องบอกว่า ความกลัวนี้อาจจะไม่จริงเสมอไป เพราะผู้สูงอายุทุกคนล้วนอยากได้รับความรักจากลูกหลาน
แม้ว่าท่าทางภาย นอกของท่านอาจจะดูเฉยๆ แต่การกอดคือภาษารักที่สื่อออกไป ดังนั้นท่านก็จะรู้สึกดีอย่างแน่นอนเมื่อคุณเข้ามากอดท่าน เพราะการกอดทำให้ท่านรู้ว่าคุณยังรักและเห็นความ
สำคัญของท่านอยู่เสมอ
ยิ่งถ้าคุณได้กอดท่านทุกๆ วัน มันก็ยิ่งทำให้ท่านรู้สึกอบอุ่น และคิดว่าไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลก และท่านก็จะไม่เหงาอีกด้วยครับ ยังไงซะวันนี้คุณก็ลองไปกอดท่านดูน่ะครับ เชื่อว่าใครหลายๆ คน ที่ลองได้กอดท่านแล้วจะต้องมีความสุข เช่นกันค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก :
www.healthtoday.net ผมเห็นข้อความ"จูบ"ของคุณภิรมย์ แล้ว ก็อยากเสริม ต่อความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อการ"กอด" เพื่อให้สาระกับเพื่อนร่วมบ้าน ครับ
"วันนี้คุณกอด พ่อแม่ แล้วยัง"