"จอมเตะแห่งบางนกแขวก"..อภิเดช ศิษย์หิรัญเสียชีวิตแล้วด้วยวัย 72 ปี เวลาประมาณตี 2 ศพตั้งที่วัดบางพลีกลางใหญ่ สมุทรปราการ
อภิเดช ศิษย์หิรัญ หรือนายณรงค์ ทรงมณี เป็นนักมวยไทยคนเดียวที่มีลูกเตะเป็นอาวุธสำคัญสามารถชงเท้าเข้าก้านคอคู่ต่อสู้แล้วไล่ลงมาถึงขาพับ 3 จังหวะด้วยความรวดเร็ว จนได้รับฉายา " จอมเตะแห่งบางนกแขวก " เป็นบุตรของนายพยอม ญาณประทีป (พ่อเลี้ยง) กับนางเสงี่ยม ทรงมณี (แม่จริง) มีอาชีพทำสวนมะพร้าว อภิเดชเกิดเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2484 ที่ตำบลบางนกแขวก อำเภอบางคนที เหนือวัดเจริญสุขารามขึ้นไปเล็กน้อย
วัยเด็ก
ชีวิตในวัยเด็กเป็นคนที่เรียนหนังสือไม่ค่อยเก่งแต่มีความสามารถเล่นกีฬาได้ดีแทบทุกชนิดโดยเฉพาะ ฟุตบอล ตะกร้อ กระโดดสูง ค้ำถ่อ และวิ่งจนเป็นนักกีฬาคนเก่งของเรียนวัดเจริญสุขารามวรวิหาร ไปแข่งที่ไหนจะต้องคว้าชัยชนะมาอวดทางบ้าน และเพื่อนนักเรียนเสมอไม่ชอบเที่ยวเตร่เหมือนวัยรุ่นคนอื่น
เมื่อ ศึกษาระดับประถมศึกษาขณะศึกษาระดับมัธยมศึกษาอยู่ที่โรงเรียน"เมธีชุณหะวัณวิทยาลัย" ในชั้น ม. 2 ได้พบกับครูพละคนแรกของเขาคือ ครูสุพร วงศาโรจน์ ซึ่งมองเห็นหน่วยก้านเข้าทีดีจึงเริ่มสอนวิชากระบี่กระบอง พลอง และไม้สั้นให้ ต่อมาก็สอนแม่ไม้มวยไทยให้เมื่อเห็นว่าเป็นผู้มีความสนใจ
ขึ้นชกมวยไทย
อภิเดชซ้อมมวยอยู่เสมอ 3-4 เดือนต่อมา ก็ไปเปรียบมวยครั้งแรกที่อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี เป็นมวยประกอบรายการ และสามารถคว้าชัยชนะมาได้ หลังจากนั้นไม่ว่าจะมีงานวัด หรืองานวิก อภิเดชจะต้องขึ้นเวทีด้วยทุกครั้งจนวันหนึ่งที่จังหวัดราชบุรี นายเกษม เอี่ยมภิญโญผู้จัดรายการมวยกรุงเทพฯมาพบเข้าชอบใจในลีลาการต่อสู้จึงชวนไปชกมวยที่กรุงเทพฯโดยใช้ชื่อว่า "อภิเดช ลูกพรชัย "
เข้ากรุง
เมื่อขึ้นชกในกรุงเทพฯ ได้รับชัยชนะตลอดมาอภิเดชแพ้ครั้งแรกเมื่อชกกับ " โกมารเดช "โดยแพ้น็อค ในยกที่สองเพราะต่างคนต่างสับศอกเข้าใส่กันท่ามกลางเสียงเชียร์ที่ดังกระหึ่มทั้งสนาม ผลปรากฏว่า โกมารเดชกระเด็นตัวลอยไปติดเชือก ส่วนอภิเดชโดนเข้าแสกคาง กระเด็นหัวน๊อคพื้น และแพ้น๊อคอีกครั้งให้สินชัย แต่สามารถล้มสินชัยได้อย่างสอนมวยในเวลาต่อมา
อภิเดชเปลี่ยนมาใช้ชื่อ "อภิเดช ศิษย์หิรัญ"เมื่อ ครูสุพร วงศาโรจน์ พาไปฝากเป็นศิษย์ที่ค่ายมวย "ศิษย์หิรัญ" ของครูเกษม และ คุณองุ่น เอี่ยมภิญโญ ระยะนั้นชื่อ "อภิเดช" เป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศ พ.ศ. 2502 - 2506 เป็นช่วงที่อภิเดชโด่งดังในเชิงมวยไทย ชกชนะคู่ชกชั้นดีหลายคน เช่น บุกเดี่ยว ยนตรกิจ แดนชัย ยนตรกิจ เขียวหวาน ยนตรกิจ ราวี เดชาชัย เดชฤทธิ์ อิทธิอนุชิต ได้ครองแชมป์มวยไทยรุ่นเวลเตอร์เวททั้งเวทีลุมพินีและเวทีราชดำเนิน
ชกมวยสากล
หลังจากนั้น อภิเดช ศิษย์หิรัญได้หันไปชกมวยสากลในรุ่นเวลเตอร์เวท ชิงแชมป์มวยสากลทั้งเวทีราชดำเนินและลุมพินีเป็นผลสำเร็จทั้ง 2เวที และได้ขึ้นชกกับนักมวยต่างชาติ เอลิลิโอ อรันดาได้รับชัยชนะในยกแรกเป็นแชมป์ภาคตะวันออกอภิเดชขึ้นชกกับนักมวยสากลระดับรองแชมป์โลก เพื่อลุ้นเข้าอันดับโลกแต่ไม่สำเร็จ พ.ศ. 2508 แพ้คะแนน ฟอร์ตูนาโต้ มันกา (อิตาลี) จากนั้นขึ้นชกป้องแชมป์ OPBF ชนะคะแนน คูโบ อูร่า จึงได้เข้าอันดับโลกเป็นรองแชมป์โลกอันดับ 10 ของสมาคมมวยโลก แต่หลุดจากอันดับเมื่อแพ้คะแนน วาเลอริโอ นูเนซ (อาร์เจนตินา) เมื่อ พ.ศ. 2509
ยุคร่วงโรย
อภิเดชเริ่มตกอับเมื่อชกมวยไทยแพ้น็อค แดนชัย เพลินจิต ยก 2 เมื่อ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2509 โดยอภิเดชถูกแดนชัยเตะตัดขาจนยอมแพ้ไป ผลจากการพ่ายแพ้ครั้งนี้ ทำให้อภิเดชถูกปลดจากตำแหน่งแชมป์มวยไทยและถูกกล่าวหาว่าล้มมวยด้วย ต่อมาต้นปี พ.ศง 2510 อภิเดชก็ไปเสียแชมป์ OPBF ที่ญี่ปุ่น
อภิเดชกลับมาสู้ต่อในแบบมวยไทย โดยคว้าแชมป์มวยไทยรุ่นเวลเตอร์เวทของเวทีลุมพินีมาครอง จากนั้นข้ามไปชิงแชมป์เวทีราชดำเนินกับเดชฤทธิ์ อิทธิอนุชิต ปรากฏว่าถูกศอกแพ้แตกในยกที่ 2 ชิงแชมป์ไม่สำเร็จและถูกปลดจากแชมป์เวทีลุมพินีอีกด้วย จากนั้นอภิเดชกลับมาชกมวยสากลอีก ขึ้นชกนอกรอบกับ กิม กีซู แชมป์โลกรุ่นจูเนียร์มิดเดิลเวทชาวเกาหลีใต้ แต่อภิเดชเป็นฝ่ายแพ้คะแนนไปอีก
ในช่วง พ.ศ. 2511 - 2512 อภิเดชหันกลับมาชกมวยไทยอีก ชนะนักมวยชื่อดังจนมีชื่อเสียงอีกครั้ง จนแพ้น็อค คงเดช ลูกบางปลาสร้อย เมื่อ พ.ศ. 2512 จึงพบกับความตกต่ำอีกครั้ง จนแขวนนวมไปเมื่อ พ.ศ. 2514 อภิเดช หายไปจากวงการมวยอยู่หลายปี และกลับมาชกอีกเมื่อ พ.ศ. 2518 แต่ไม่รุ่งเรืองเหมือนเดิม ชกแพ้มากกว่าชนะ กระทั่งขึ้นชกครั้งสุดท้ายเมื่อ 29 มีนาคม พ.ศ. 2520 แพ้คะแนน เซียนโหงว ศิษย์บางพระจันทร์ อภิเดชจึงแขวนนวมไป ไม่ได้ขึ้นชกมวยอีกเลย
หลังแขวนนวม อภิเดชไปประกอบอาชีพค้าขายมะพร้าว กับภรรยาและลูกอีก 3 คนอยู่ที่ห้วยขวาง ปัจจุบันเขามีอายุ 64 ปีและหวนกลับมาสู่วงการมวยด้วยการเป็นเทรนเนอร์ให้กับนักมวย คณะ " แฟร์เท็กซ์ " ต่อมา เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2548 องค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสงคราม ร่วมกับจังหวัดสมุทรสงคราม ได้จัดพิธี ได้จัดพิธีเชิดชูเกียรติ และมอบโล่ประกาศเกียรติคุณให้กับ" อภิเดช ศิษย์หิรัญ" เนื่องจากเป็นบุคคลที่ทำคุณประโยชน์ และสร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัด เพื่อเป็นการยกย่อง และเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเยาวชนรุ่นหลังได้ไปศึกษาเป็นแบบอย่าง เพราะ อภิเดช ศิษย์หิรัญ ได้สร้างชื่อเสียงด้านกีฬาให้กับจังหวัดสมุทรสงครามและประเทศไทยเป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติเป็นระยะเวลาถึง 11 ปี (พ.ศ. 2503-2514 ) จึงสมควรได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติอย่างยิ่ง
เกียรติประวัติ
แชมป์มวยไทยรุ่นเวลเตอร์เวททั้งเวทีลุมพินีและเวทีราชดำเนิน
แชมป์ประเทศไทยรุ่นเวลเตอร์เวท
ชิง 21 พฤษภาคม 2507 ชนะน็อค ศรีสวัสดิ์ ศิษย์ ส.พ. ยก 10
ป้องกันแชมป์ครั้งที่ 1, 30 มิถุนายน 2507 ชนะน็อค อดิศักดิ์ อิทธิอนุชิต ยก 2
สละแชมป์
แชมป์ OPBF รุ่นเวลเตอร์เวท
ชิง 7 มกราคม 2508 ชนะน็อค อีลิซิโอ อรันดา (ฟิลิปปินส์) ยก 1 ที่เวทีราชดำเนิน
ป้องกันแชมป์ครั้งที่ 1, 3 ธันวาคม 2508 ชนะคะแนน คูโบ อูรา (ญี่ปุ่น) ที่ ญี่ปุ่น
เสียแชมป์ 8 มกราคม 2510 แพ้น็อค มูซาชิ นาคาโน (ญี่ปุ่น) ยก 8 ที่ โตเกียว ญี่ปุ่น
***ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวท่านครับ***