หอเกียรติยศ > ชาย เมืองสิงห์

เรื่องราวของชาย เมืองสิงห์ โดยอดีตนักร้องร่วมวงดนตรีจุฬาทิพย์

<< < (24/34) > >>

แก้ว สาริกา:
  :73: จนกระทั่ง ครูฉลอง กลับมาจากทำงาน  ได้ยินเพลงที่ไอ้ยมร้อง ก็ถามว่าไปเอาเพลงที่ไหนมา
                    เพราะนี่หว่า ทำนอง เพลงเกี่ยวข้าว           
                   ไอ้ยม -   พี่เสียนให้มา           
                ครูฉลอง -   แกจะไปอยู่กับไอ้ชายเหรอ ข้าวของไม่เห็นช่วยไอ้หลองเล็กมันขน มันขนของมันคนเดียวเวลามีงาน
                               ค่าตัวแกก็ได้มากกว่ามัน (ครูฉลอง แกก็บ่นไปงั้นๆแหล่ะ)
               ไอ้ยม มันตอบว่ายังไงรู้ไหมครับ ใจมันถึง ถ้าเป็นผม ผมคงไม่กล้าตอบอย่างไอ้ยมแน่ เพราะผมคนขี้ขลาด
               เกรงใจกับคำพูดที่จะพูดออกไป           
               ไอ้ยม -  ครับ ชาย เมืองสิงห์ แต่งเพลง "เกี่ยวรัก" นี่กำลังท่องเนื้อ-ทำนองอยู่ จะให้ผมอัดแผ่นเสียงเร็วๆนี้
                          และเปลี่ยนชื่อให้ผมใหม่ด้วยแล้ว "ทศพร หิมพานต์"             
          ดูมันตอบ ไม่เกรงใจครูมันเลย         
          ครูฉลอง -  เออ นับว่าเป็นโชคและดวงของแก ที่ไอ้ชาย แต่งเพลงให้  ไอ้ชายดวงส่งคนมันเฮง
                        แต่งเพลงให้ใครร้องก็ ดังทุกคน  แกเตรียมตัวเป็นนักร้องดังได้แล้ว       
          อื้อฮือ..ผมงี้หูร้อนฉา ไปด้วยความอิจฉา ริษยามัน จริงนะครับ (อิจฉามันจริงๆ ให้ดิ้นตาย ตอนนั้นน่ะ)         
                   
                             ไม่กี่วันถัดไป  ไอ้ยมก็หายไปจากบ้านครูฉลอง  ทิ้งให้ผมอยู่คนเดียว                           
           
           ไอ้ยม หรือ "กำพล เพชรกำแพง"  ก็กลายไปเป็น "ทศพร หิมพานต์" เป็นคนที่ ชาย เมืองสิงห์ โปรดอีกคน

     :teentob: : ยัง ยังไม่จบครับ สำหรับเพื่อนผม คนมันจะดัง :
             
        ครั้งหนึ่ง เป็นช่วงฤดูหนาว ปีนั้นหนาวมาก  วงจุฬาทิพย์ ยกวงไปแสดงที่จังหวัดฉะเชิงเทรา
           ชาย เมืองสิงห์ ไม่สบายมาก หนาวสั่น คางสั่น ร้องเพลงก็จะไม่ไหว ถึงคิวหัวหน้าวงออกร้อง
   พี่ชายแข็งใจ ออกร้องเพลง ยืนสู่อยู่หน้าเวที ได้ 3 เพลง ก็หยุดร้องแล้วก็บอกกับแฟนเพลง ผม ชาย เมืองสิงห์
   ไม่สบายจริงๆ  อยากจะร้องเพลงให้เยอะๆให้แฟนฟังกันจุใจ แต่สังขารฝืนไม่ไหวจริงๆ ขออนุญาตให้ลูกศิษย์
   ออกมาร้องแทน ผม ชาย เมืองสิงห์ ก็จะนั่งอยู่กับแฟนเพลงตรงนี้ไม่หนีไปไหน             
       แล้วพี่ชาย ก็ประกาศแนะนำนักร้องที่เป็นลูกศิษย์"ทศพร หิมพานต์" ร้องเพลง ของ ชาย เมืองสิงห์ 
   ทุกเพลง ตามที่แฟนๆขอมา       
   ทศพร หิมพานต์ ร้องเพลงของ ชาย เมืองสิงห์ ได้ทุกเพลง เสียงก็เหมือน คนดูชอบสงสาร ชาย เมืองสิงห์
   จึงร้องบอกขอพี่ชาย ให้ไปพักผ่อนด้านหลังเวที หน้าเวทีมอบให้ "ทศพร หิมพานต์"
   
   ทำหน้าที่เป็น ชาย เมืองสิงห์ แทน จนกระทั่งเวลาการแสดงได้สิ้นสุด ...
   โดยเฉพาะ เพลงสุดท้าย "ทุกข์ร้อยแปด" ร้องเอง ตีกลองเอง ลีลา ชาย เมืองสิงห์ ยังไงก็ยังงั้น
          เหมือนยังกับคน คนเดียวกันเลย             
                               
                            "ทศพร หิมพานต์"  ทำหน้าที่ได้ยอดเยี่ยม อย่างไม่มีข้อกังขา ... 

 :teentob: : ทศพร หิมพานต์.. 
ครั้งอยู่ จุฬาทิพย์ บันทึกเสียงเพลงลงแผ่นเสียงไว้ มี เพลง เชียงใหม่เจ๊า, เกี่ยวรัก, แม่งูดินกินลึก, กำพร้าเมีย,
สามวันจากนารีเป็นอื่น,       
     แล้วผันตัวเองไปอยู่ วงดนตรี "พิณศรีวิชัย" ใช้ชื่อ "ภูมิ เพชรกำแพง" บันทึกเสียงเพลงไว้เยอะ
ถึงคราว ดวงมันจะดัง เปลี่ยนชื่ออีกที ตามที่ ฉลอง ภู่สว่าง ร้องขอ เป็น  "ดาวไทย ยืนยง" ประเดิมด้วยเพลง "แผลเป็น" ก็พอดังได้ไม่อายใคร (เป็นต้นฉบับ)
                 
                   คนอะไรไม่รู้ มาดังตอนเสียชีวิตแล้ว ด้วย เพลงที่แต่งทิ้งไว้  เพลง "กลับมาทำไม"
                                             ให้พาไปรู้จักกับ ชาย เมืองสิงห์ ก็ไม่ยอมพาไป 
     
                     ตายแล้วกลับมาดัง ก็ยังงก ไม่ยอมแบ่งความดังให้กันบ้างเลย ทีนี้อย่ามาพาไปไหนเชียวนะมึง เพื่อนหนอเพื่อน                                       
                                                   
                                                         ขอเพื่อนจงไปสู่สุขคติภพเถิด
           

สมภพ:
นำเสนอสี่เพลงเรียงตามความเก่า เริ่มจาก

เกี่ยวรัก - ทศพร หิมพานต์
http://www.banplengthai.com/imagehost/pics/2267eed0bb76859d5401db0e07aadf5e.swf

แม่งูดินกินลึก - ทศพร หิมพานต์
http://www.banplengthai.com/imagehost/pics/1b0253f28ed63865894f328beaa85c23.swf

หน้าไม่เหมือนเก่า - ภูมิ เพชรกำแพง
http://www.banplengthai.com/imagehost/pics/79163eac621d523791a8adad1d93e5c8.swf

แผลเป็น - ดาวไทย ยืนยง
http://www.banplengthai.com/imagehost/pics/eae2f51426afbee7acbbc0522d993f45.swf

ขอบคุณพี่แก้ว สาริกา ผู้เอื้อเฟื้อไฟล์เพลงครับ

แก้ว สาริกา:
             
                     :74  :teentob::74 :74 :teentob: :74
                                                                  เรไร ณ.โคราช

:42 : คิดอยู่ว่าจะหยิบเรื่อง แม่หญิง "เรไร ณ.โคราช" มาเล่าด้วยไหม เพราะได้เคยคุยและลงไปเมื่อเร็วๆ นี้เอง 
            นั่งใคร่ครวญอยู่ ก็เลยตัดสินใจเอาซ่ะหน่อย จะได้ประกอบเรื่องเข้าหากันได้ :

  : เรไร ณ. โคราช..             
    เมื่อครั้งแรกที่ผมย่างก่าวเข้าสู่ประตูบ้าน ของ "ชาย เมืองสิงห์" 17/12 ตรอกวัดเซิงหวาย บางซ่อน อ. ดุสิต พระนคร
ผมก็ได้เห็นเด็กผู้หญิงตัวอวบๆ กะปุ๊กลุก เหมือนกระปูกตั้งฉ่าย  อายุ ก็ราวๆ 11-12 ขวบ ได้กระมัง
ไว้ผมสั้น ช่างพูด ช่างคุย วาจาสัมมาคารวะต่อผู้หลักผู้ใหญ่ พบเจอใครที่อายุมากกว่า รู้จักไม่รู้จัก ยกมือไหว้ทุกคน
นี่กระมังครับที่เขาเรียกว่า เด็กที่ได้รับการอบรมมาดีจากผู้ให้กำเนิด ก็คงไม่ผิดไปนัก
    พบปะเจอะเจอกันบ่อยเข้า ก็รู้ได้ว่าเด็กคนนี้เป็นเด็กดี และได้รับรู้ไปอีกว่า พ่อ แม่ ได้นำมาจากบ้านนอกที่ราบสูง
จาก ตำบลบ้านบัว อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา  นำมาฝากไว้ให้อยู่กับ ชาย เมืองสิงห์ เป็นผู้อุปการะ พี่ชาย พี่ติ๋ม ก็รัก
เหมือนลูก และเด็กคนนี้ก็ร้องเพลงดีเสียด้วย เสียงใสในวัยเด็ก ยามได้ฟังตอนต่อเพลงร้องสดๆ มีน้ำเสียงใสกังวาล
ใสดั่งน้ำค้างที่ตกมาพรมบนยอดหญ้า ยามใกล้รุ่งอรุณ ฟังแล้วชื่นใจ
      พี่ชาย ตั้งชื่อเมื่อครั้งร้องเพลงใหม่ๆว่า "เรไร ราชสีมา" ไม่นานนัก พี่ชาย ก็ได้เปลี่ยนให้ใหม่ เป็น "เรไร ณ.โคราช"     
เรไร ณ.โคราช มีชื่อจริง "หอมหวล ช่างเรือนกลาง" เป็นชาวอำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสี ถือว่าเป็นลูกหลานย่าโมโดยกำเนิด
เกิดเมื่อ วันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2496 นับได้ว่าเป็นนักร้องหญิงคนแรก ที่เข้ามาอยู่ วงหลังเขาประยุกต์ / วงจุฬาทิพย์  

  : เรไร ณ.โคราช      
เริ่มมาอยู่ บ้าน ชาย เมืองสิงห์ ก่อนใครๆ ก่อนที่พี่ชาย จะเริ่มก่อตั้ง วงหลังเขาประยุกต์ มาอยู่ที่บ้านเฉยๆก่อน ร้องเพลงบ้างยามว่างมิให้เหงา ก่อนที่พี่ชายจะมีวงหลังเขาประยุกต์ ก็ได้บันทึกเสียงไว้เป็นระยะ ๆ พี่ชาย บันทึกเสียง เพลง "เมียสองต้องห้าม"  เรไร ร้องแก้ เพลง "เมียสามเมียสี่" เป็นเพลงที่ เรไร บันทึกเสียงไว้เป็นเพลงแรก ต่อมาก็มีเพลง "แค่นรัก" อีกหลายๆเพลงต่อมา มีทั้งร้องเดี่ยว และร้องเป็นเพลงแก้ อย่างเพลง "ดอกไม้ของน้อง" ร้องแก้ เพลง "กุหลาบในมือเธอ" เพลง "แม่ม่ายทรงเครื่อง" ร้องแก้ เพลง "พ่อม่ายลูกติด" และก็ยังมีเพลงที่ร้องคู่กันกับ ชาย เมืองสิงห์ อย่างเพลง "ชะทิงนองนอย" เพลง "ก้างขวางคอ" เฉพาะเพลงนี้ ร้อง 3 คน มี ชาย เมืองสิงห์, เรไร ณ.โคราช, น้ำผึ้ง ภูธร, (เรไร ใช้ชื่อ "พลับพลึง สถาพร")
               เรไร โด่งดัง จากเพลง "ไปดีมาดี"  มีเพลงที่บันทึกเสียงไว้มากทีเดียว ผมเองก็จำมิค่อยได้
ปัจจุบัน เรไร ณ.โคราช นับว่าเป็นนักร้องหญิง ในสายจุฬาทิพย์ ที่ประสพความสำเร็จมากคนหนึ่ง มีบ้านพักให้เช่า มีร้านอาหาร
               
                ชื่อ ร้านอาหาร "เรไร ณ.โคราช" ที่สี่แยกปักธงชัย อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา
   
  : ย้อนกลับไปอ่านต้นๆกระทู้ ประวัติ แม่หญิง เรไร ณ.โคราช ที่กระผมได้คุยกันทางเฟส เมื่อเร็วๆนี้ โดยละเอียด ครับ :

ผมตัดต่อมาเพื่อรับทราบเพียงช่วงหนึ่ง

:เรไร ณ. โคราช จะแก้ตรงไหนดีล่ะพี่หมดไส้ไปแล้วชื่อเสียงเรียงนามก็ชัดเจนอยู่แล้ว อ่อๆๆๆขอนีดเดียวนะจ๊ะพี่แก้วบุคคล 
ท่านนี้จะลืมไม่ได้เลยก็คือ คุณอาศักดิ์โกศล ท่านเป็นนักจัดรายการทำละครวิทยุ ขอ อณุญาตเล่านิดนึงนะคะพี่แก้ว เรไรเป็นเด็กไปประกวดร้องเพลงที่ ป ช ส ๗ ใต้สพานพุธ คุณอาศักดิ์ และคณอาไฉนกลิ่นขาวเป็นกรรมการ เรไรได้ที่๑นะพี่แก้วคุณอาศักดิ์โกศลก็เลยพาเรไร(เด็กหญิงหอมหวล)ไปอยู่ในบ้านก็ได้รับความเมตตาจากคุณอาศรีวรรณเดือนสว่างด้วยซึ่งท่านเป็นภรรยาของคุณอาศักดิ์ค่ะ หนูก็ได้ยินคุณอาทั้งสองคุยกันว่าต้องเอาเด็กคนนี้ไปฝากไว้กับนักร้องจะดีก่วาถึงจะมีอนาคตเพราะท่านทั้งสองทำลครวิทยุมันคนละเรื่องกัน พี่แก้วเบื่อหรือยังคะเนี่ย ยังไงก็ขออีกนีดๆๆนะพี่ไม่งั้นไม่ถึงบางอ้อ อีกสองวันคุณอากับพี่ราเชน พี่ราเชนก็เป็นลูกหลานคุณอาศักดิ์ค่ะสองคนบอกให้หนูแต่งตัว ในใจก็คิดเขาจะเอาเราไปไว้ที่ไหนกับใครหนอเสียใจนะพี่แก้วร้องไห้เลยละพี่แก้วถึงจะอยู่บ้านนั้นไม่นานนักแต่ได้รับควาวมเมตตาจากคนในครอบครัวของท่านมากมายโดยเฉพาะคุณย่าเรไรคิดถึงท่านมาก ก็ลํ่าลากันแป๊บหนึ่ง จำได้ว่าที่เดินออกมาจากบ้านหลังนั้นอยู่ในซอยไสวสุวรรณค่ะ ก็ใกล้กับวัดเซิงหวายนั่นแหละค่ะ คุณอาศักดิ์พาหนูไปฝากให้อยู่กับพี่ ชาย เมืองสิงห์ นี่คือที่มาที่ไปในตอนเริ่มแรก ค่ะ /...

สมภพ:
แม่หญิงเรไรมาาแล้วจ๊ะ

เมียสามเมียสี่ - เรไร ณ โคราช
http://www.banplengthai.com/imagehost/pics/68b74eb0474a11ebbc0acf7233b8215e.swf

ระทม - เรไร ณ โคราช
http://www.banplengthai.com/imagehost/pics/dcc0f45cc649e941d3b03b169cc5fcfd.swf

ก้างขวางคอ - ชาย เมืองสิงห์ เรไร ณ โคราช น้ำผึ้ง สถาพร
http://www.banplengthai.com/imagehost/pics/d3f28e2a71ee04d942fe6a66e3349609.swf


แก้ว สาริกา:
                                :42  :teentob: :teentob:
           
         : พร เทวา  นักร้องเสียงคุณภาพ จากวง "จุฬาทิพย์" เจ้าของเสียงเพลง "บานชื่น"
                               ก่อนที่จะมาเป็น "ไมตรี สีทอง" เจ้าของเสียงเพลง "รักแรกพบ" :

: ขอเรียนมาเพื่อทราบก่อนนะครับว่า ชื่อ พร เทวา มี สองคน คนแรก อยู่วงดนตรี "ฟ้าบางกอก"  ร้องเพลง "ยิ้มหน่อย"
  ไม่ได้อยู่ วง จุฬาทิพย์   แต่.. ชาย เมืองสิงห์ ตั้งชื่อให้ ไปเป็นปลัดอำเภอ อยู่ อ. องครักษ์ จ. นครนายก ก็เลิกร้องเพลง
  จึงมี พร เทวา คนที่ สอง อย่า งง และก็ห้าม งง ด้วย เดี๋ยวผม งงตาม 55555...

: ผมจะนำเกล็ดประวัติ เล็กๆ น้อยๆ ของ พร เทวา คนที่สอง มาเล่าขานสู่กันฟัง ก่อนที่จะมาเป็น ไมตรี สีทอง ตกลงนะ
  รับทราบทั่วกัน นะ ครับ :
   
  พร เทวา เป็นนักร้องที่มีเสียงคุณภาพ เขาเป็นหนึ่งไม่เป็นสองรองใคร ในลูกทีมจุฬาทิพย์ ทั้งหมด ทั้งน้ำเสียงการใช้อักษรภาษาอักขระ ท่วงทำนองท่าทีลีลาในการขับขานร้อง การต่อเพลงหัวไวจำแม่น แต่นั่นแหล่ะครับ การเป็นนักร้องเสียงดีอย่างเดียว
มันไม่พอ ต้องมีองค์ประกอบอีกหลายๆอย่าง พร้อมทั้งมีดวงเข้ามาหนุนช่วย
     พร เทวา หนุ่มจากที่ราบสูง จากอำเภอ เนินสูง หรือ สูงเนิน จำไม่ได้แน่ จังหวัด นครราชสีมา ชื่อจริง "สมพร"
(นามสกุลก็จำไม่ได้อีกนั่นแหล่ะครับ) นำตัวเองเข้าเป็นนักร้องประกวดที่ "วัดโพธิ์ข้าวผอก" ต. บางมัญ อ. เมือง จ. สิงห์บุรี
ในงานทอดกฐินสามัคคี  ปี พ.ศ. 2509 ที่ ชาย เมืองสิงห์ เป็นเจ้าภาพในปีนั้น "สมพร" ได้รับรางวัลรองชนะเลิศ
โดยร้องเพลง ของ ทูล ทองใจ ที่ใครๆว่าร้องยาก แต่เขาคนนี้ สมพร ทำได้ และทำได้ดีเสียด้วย
(นี่วันนั้นถ้าผมเป็นกรรมการนะ ที่ 1 ไปเลย ผ่าซิ)
"พล พรภักดี" จึงนำ สมพร ติดรถเข้าสู่กรุงเทพฯ มาพักอาศัยอยู่ที่บ้านด้วย ในซอยระนอง ใกล้ๆสะพานแดง บางซื่อ ฝากให้เป็น
นักร้อง วง จุฬาทิพย์ พี่ชาย ได้ตั้งชื่อให้ครั้งแรก "เทพ เทวา" ไม่นาน พี่ชาย ก็มีเพลง ให้ร้องและบันทึกแผ่นเสียงในเวลาต่อมา ด้วยเพลง "บานชื่น" เป็นเพลงแรก วันที่บันทึกเสียง พี่ชายเห็นว่า ชื่อจะสูงเกินไป จึงเปลี่ยนให้เสียใหม่ เป็น "พร เทวา" และบันทึกเสียงอีกเพลง เพลง "น้ำพริกปลาทู" ร้องเพลงไม่นานนัก ก็ผันตัวเองมาเป็นนักดนตรี มือกีต้าเบส
(คงจะเห็นว่านักร้องค่าตัวน้อย)  เล่นดนตรีก็อยู่ไม่นานอีก จู่ๆ ก็มาหายหน้าไปจาก วง จุฬาทิพย์
    กาลเวลา ต่อมาก็ได้มี นายทุน (สู่ยุคนายทุน) เห็นว่า พร เทวา ร้องเพลงได้ดี น่าจะมีโอกาสดังได้ จึงให้กลับมาร้องเพลงอัดแผ่นเสียงอีกครั้ง ในชื่อใหม่ "ไมตรี สีทอง" เพลงแรกของชื่อใหม่ เพลง "รักแรกพบ" และ เพลง "วาสนารัก" อีกหลายเพลง
เข็นยังไงๆ ก็ไม่ดังเปรี้ยง เพียงแต่แค่มีคนรู้จัก แต่ก็ยังมีอาชีพรองรับอยู่
คือ การเป็นนักดนตรี ความเป็นอยู่ จึงไม่ฝืดเคืองเท่าใดนัก ชีวิตของการเป็นนักดนตรี ก็ต้องสิ้นสุดสะดุดลง เพราะการเวลาที่เปลี่ยน ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย นักดนตรีหลายชีวิตก็ต้องตกงาน เป็นไปตามอายุไขและการเวลา ที่ถูกกำหนด
แล้วชื่อของ " ไมตรี สีทอง" ก็เงียบหายไปจากวงการเพลง ทิ้งเหลือไว้ เพียงเสียงเพลงแห่งความไพเราะ และแสนสุดประทับใจ
   
        ที่ยังพอมีหลงเหลือให้เราได้ฟังกัน แล้วก็คิดถึงเท่านั้น / ด้วยความที่คิดถึงเพี่อน ครับ แก้ว สาริกา ...

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

Go to full version