สโมสรบ้านเพลงไทย > ห้องสันทนาการ

ปลาตูหนา - ปลาไหลหูดำ

<< < (2/2)

ชญาดา:
หน้าตา ปลาชนิดนี้ เนื้อเยอะดีค่ะ แต่ถ้าคาวมาก ก็ไม่ไหว ต้องมาทำเป็นอาหาร ใส่สมุนไพรดับกลิ่นคาวให้หมด ปลาไหล ลักษณะคล้ายงูทะเล  ไม่ค่อยน่าหม่ำเท่าไร เปลี่ยนเป็นเมนูปลาอย่างอื่นก็คงจะดีจ้า

จรีพร:

ลุงชัยคะ ปลาตูหนา หรือปลาไหลมีหู นี่พรจำแม่นเลยค่ะ เมื่อประมาณ 25 ปีที่แล้ว
พร มีหน้าที่ตรวจบัญชีสายใต้ค่ะ ไปตรวจกันที่จังหวัดตรัง พอดีทริปนี้ ท่านผอ. กองทุนเงินทดแทน ท่านไปด้วย และท่านก็เป็นเพื่อนซี้ กับผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ตอนนั้นค่ะ จำชื่อไม่ได้  ท่านผอ. บอกว่า วันนี้ตรวจบัญชีเสร็จแล้ว ท่านผู้ว่า เชิญพวกเราไปทานเลี้ยง งานนี้จะมี อาหารชนิดหนึ่งราคาแพงมาก คือ ปลาตูหนาต้มน้ำใส  ขอให้พวกเราทานกันทุกคนนะ ของมันแพง เขาให้ทานกันคนละถ้วย อย่าให้ท่านผู้ว่าท่านเสียใจนะ ว่าเราไม่ทานอาหารที่ท่านนำมาเลี้ยง

วันนั้น พรไม่มีความสุขเลยค่ะ แค่ชื่อ "ปลาตูหนา" ก็ไม่อยากกินแล้ว ยังจะมารู้ว่า มันคือ "ปลาไหลมีหู" เขาบอกว่ามีแค่ประเทศไทย กับประเทศญี่ปุ่น เท่านั้น เพื่อน ๆ หลายคนก็มีอาการเดียวกับพร  ขอโทษนะคะ ฟังแล้วจะ "อ๊วก" ไม่กล้ากิน  พรมีอาการมากกว่าใครเลย เพราะอะไรที่ไม่เคยกิน พรจะไม่กินค่ะ  ถึงจะให้กินแค่ถ้วยเดียวก็กินไม่ได้แน่นอน พอดีนึกขึ้นมาได้ หาอุบายไม่กิน อาหารพิศดาร  ไปบอกคนขับรถที่ไปด้วยกัน ว่าให้มานั่งใกล้ ๆ กัน พรจะให้อาหารพิเศษ ในค่ำคืนนี้ เขาอีกหนึ่งถ้วย ขอให้เขาช่วยกินแทนพรด้วย ปรากฎว่า เพื่อน ๆ เขาก็ทำเหมือนพรค่ะ คือยกให้คนขับรถกินแทน อ้าว...แล้วจะกินไหวไหมนี่ ตั้ง 5 ถ้วย ของตัวเองอีกหนึ่งถ้วย ไม่รู้ละ ต้องกินถ้วยของพรก่อนด้วย เพราะพรเป็นต้นคิด 

ตอนที่ไปร้านอาหาร ระหว่างนั่งรออาหาร เจ้าของร้านเกิดใจดีอีก เห็นพวกเรามากับท่านผู้ว่าฯ เลยพาไปดู "ปลาตูหนา" ตัวเป็น ๆ ที่เลี้ยงไว้  ไปดูเสร็จเกิดอาการเลยค่ะ ถ้าต้องกินไอ้ตัวนี้ พรว่า พรต้องอ๊วก แน่ ๆ เลยค่ะ

หลังจากการรับประทานอาหารมื้อนี้ผ่านไปเรียบร้อย โดยที่คนขับรถ ช่วยทานอาหารแทนพวกเรา  พรคิดว่าเรื่องคงจบแล้ว ที่ไหนได้ ท่านผอ. เรียกพรไปบอกว่า

 "จรีพร พี่ว่าอาหารมื้อนี้ เราอย่าให้ท่านผู้ว่าฯ เลี้ยงพวกเราเลยนะ เพราะท่านมากันแค่สองคนเอง พวกเราตั้งแปดคน พี่ว่าพวกเราเลี้ยงท่านก็แล้วกัน  เธอช่วยจัดการด้วยนะ"

พรฟังแล้วเกือบเป็นลมแน่ะ  อาหารมื้อนี้พิเศษจริง ๆ ราคาแพงมาก จ่ายเสร็จแทบร้องไห้  เบี้ยเลี้ยงพวกเราแทบไม่เหลือค่ะ  พรและเพื่อน ๆ จำ "ปลาตูหนา" ไปจนตายเลยค่ะ  กินก็ไม่ได้กิน กระดูกแขวนคอ   555

อ้อ...พอดี พร มีหน้าที่ดูแลค่าใช้จ่ายทุกอย่างในการเดินทางไปตรวจบัญชีค่ะ  สมัยก่อนเบี้ยเลี้ยงข้าราชการในการเดินทางไปราชการน้อยมาก ไม่เหมือนสมัยนี้ นอนโรงแรมต้องแอบเข้าไปนอน ห้องละสี่คน อย่าให้เขารู้ คนขับรถ ต้องไปขอนอนที่สำนักงานแรงงานจังหวัดที่ไปตรวจบัญชี เบี้ยเลี้ยงต้องเอาของทุกคนมารวมกัน ยกเว้นของคนขับรถ ให้เขาเต็มค่ะ
ต้องจัดสรรค่าใช้จ่ายให้เพียงพอกับการเดินทางในแต่ละครั้งค่ะ

ลุงชัยค่ะ จริง ๆ พรลืมเรื่องนี้ไปนานแล้วนะคะ  ไม่น่าเลย เริ่มมีอาการอีกแล้วค่ะ   555


:35 :35 :35

ลุงชัยนรา:
     ครับฟังคุณจรีพรเล่าแล้วน่าสงสารจริงๆ ยิ่งมีอาการเช่นนี้

                                     

ลือ:
         "ขอบคุณครับคุณพร....ตอบแทนใจผมทุกอย่างเลย เรื่องปลาตูหนา  เพราะผมก็ไม่กล้ากินครับ.."
              ยิ่งบอกว่าเป็นปลาไหลมีหู ยิ่งนึกถึงคำโบราณ ว่าวันนึง ปลาไหลจะกลายร่างเป็นพังพอน...
         นี่คงพัฒนาได้ระดับนึงแน่นอน  ถึงขั้นมีหู ขึ้นมาแล้ว....
               (ทางเหนือ จะเรียกพังพอนว่า "จอนขุ่ย" ครับ  เรียกแปลกดี)

           เป็นพื้นฐานเดิมของบ้านผม ที่พี่สาวคนโตเป็นคนคลื่นไส้อะไรง่ายๆ...ซึ่งผมก็เคยเขียนเล่าไว้ครั้งนึง ในบ้านหลังเก่า
    ว่าไปดูหนังกลางแปลงกัน  เป็นหนังอินเดีย
           ...ราเชนเดอร์ กุมาร ออกมาเต้นระบำ ฉีกยิ้มหวาน ทาลิปแดงแปร๊ด เต็มจอ
     พี่สาวผมอ้วกออกมาตรงนั้นเลย ... แกว่า ปากพระเอก แดงเลื่อม มันวาว เหมือนไส้เดือนตัวใหญ่ๆ...

        ดังนั้น ที่บ้านผมตอนผมยังเด็ก จะไม่มีรายการ"ปลาหนัง"ในครัว...มีแต่ปลาทะเล ซื้อจากที่แม่ค้าขายหน้าวัดมากิน
                     ปลาน้ำจืด หรือปลาดุกตัวใหญ่ๆ... ปลาสวาย ถึงตัวย่อม ก็หมดสิทธิ์ครับ

              ผมพลอยติดนิสัยมา...ทั้งที่ ก็ชอบกินปลาบ้านๆอยู่นะครับ .... อยากมาก ก็ต้องนู่น ไปขอกินที่บ้านพี่ชาย
    แต่ผัดเผ็ดปลาไหล ถ้าตัวโต หั่นมาชิ้นหนา  ผมก็กินไม่ลง...
         ปลาสวายนี่ ไม่กินเด็ดขาดครับ ....  ผัดเผ็ดปลาดุก ต้องทอดมา ก่อนจะผัด...ถึงจะกิน และอร่อย ชอบมากครับ

           เวลาไปตลาด จะแกงส้มปลาดุกกินเอง-แปลกดี ตอนนี้กินปลาดุกได้แล้ว
                    จะมีแม่ค้าที่ขยิบตา แล้วรู้กันว่า... อาจ๋าน เปิ้นจะเอาปลาดุกตัวน่อยๆ-นิ่วที่สุดในกาละมัง
        1 โล/50 บาท....หั่นชิ้นบางๆ ...บะดีหื้อจิ๊นหนาเน่อ..แยกหื้อเปิ้นเป็น2ถุง เผื่อไว้แก๋งได้ 2 หม้อ.....
                   ( ฮิ ฮิ ... คือ ถ้าปลาดุก ปลาไหล....ผมขอกินตัวเล็กๆครับ)

                เคยอ่านเจอในหนังสือ "ดิฉัน" เล่มเก่าๆมาครับ...คงจะเป็นนางสนองพระโอษฐ์ท่านนึง ได้เขียนเล่าว่า...
        ตอนตามเสด็จไปงานเลี้ยงฯที่ฝรั่งเศส.... เมนูสุดหรู และราคาแพง คือ ปลาไหลตัวเล็กๆ (เหมือนลูกปลาไหล)
          น่าจะนึ่งมาอย่างง่าย และกุ๊กฝรั่งก็ไม่หั่นปลาเลย  เสิร์ฟอย่างดื้อๆ มาทั้งตัว...
                 เห็นในรูป จานนึงมีปลาไหลร่วมสิบตัวครับ มีฝาชีโลหะครอบมาอย่างดี.... บริกรเสิร์ฟแล้ว
         จะเปิดฝาชีที่ครอบให้..โชว์ฝูงปลาไหลตัวย่อมกว่านิ้วก้อยในจาน
                   ท่านผู้เขียน ก็มีอาการเหมือนคุณพร   คือ ไม่ไหวแน่  ข้าพเจ้าไม่กล้ากินจริงๆ....
        แต่แอบสังเกตแขกผู้ใหญ่ชายฝ่ายฝรั่งเศสที่นั่งติดกัน ทานปลาไหลอย่างเอ็นจอยมาก...
             จึงลองขยับเลื่อนจานให้ ถามอย่างสุภาพ ว่าจะรับปลาไหลต่ออีกจานไหม   
                    ฝ่ายโน้นก็ไม่ปฏิเสธเลย รับไปอย่างยินดี....
       (เสียดาย  ผมค้นหนังสือไม่เจอในตอนนี้.... ถ้าเจอ จะถ่ายเรื่องมาแนบให้ครับ เพราะในนั้นมีรูปพร้อมสรรพ)

               ปลาตูหนาหากินยาก....แพงมากด้วย
                         ....เรามาตกปลาไหลกินกันดีกว่า (คลิปตกปลาไหลจากยูทูปครับ)
           http://www.youtube.com/watch?feature=player_detailpage&v=B4mTw10H2S8#t=4s
              (ขอบคุณคุณunicorn2513 และ youtube)

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[*] หน้าที่แล้ว

Go to full version