สโมสรบ้านเพลงไทย > ห้องสันทนาการ
หว้า
ลุงชัยนรา:
ครับ..ท่านเผ่าฯ ตานี ผมชอบเรื่องต้นไม้ ต้นล่าย มักจะสงวน และแสวงหา ไม้พื้นเมืองโบราณ ที่ไม่มีค่าทางเศรษฐกิจ แต่มีค่าแห่งความทรงจำ นำมาปลูกและเว้นไว้ในสวน เพื่อระลึกถึงความทรงจำดีๆ และให้ลูกหลานได้รู้จัก รับรู้ ว่าต้นไม้ทุกต้นมีนิทาน(แห่งชีวิตตัวเอง)เอาไว้เล่าสู่กันฟัง...ยามชรามากแล้ว 5 5 5
วิทยาลัยเกษตร ป่าไผ่ นั้นปัจจุบัน เป็นแต่เพียงคณะๆ หนึ่ง ใน ม.นราธิวาส เท่านั้นเอง ก่อนหน้านั้น พรรคพวก น้องๆ ที่ไม่ยอมเข้าระบบมหาลัย ได้จัดงาน"ไผ่แตกกอ" ขึ้น มีน้ำ้ตาท่วมงาน เพราะคนที่ไม่เข้า ก็ต้องย้ายกันออกไป ลุงชัยได้เป็นพิธีกร ในงานนี้ จนใกล้ คนออกตัดยาง (ตี 2 สมัยก่อนไม่มีเหตุการณ์อะไร)
ลุงชัยได้รับเกียรติจาก วิทยาลัย ได้เป็น วิทยากรสมทบ นิเทศน์ ปฐมและ ปัจฉิม นักศึกษา หลายรุ่น และยังได้เป็นวิทยาการ ออกหน่วยร่วมกับคณาจารย์ สอนชาวบ้าน ตามหมู่บ้านต่างๆ ในเรื่อง การเรียนรู้พึ่งตนเองระยะสั้น 5 วัน ไม่ว่า การทำอาหารสัตว์ การขยายพันธ์ต้นไม้ การเลี้ยงปลา สอนวิธีวัดค่า กรดด่างของน้ำ้ด้วยตัวเอง การแปรรูปอาหาร ทำปลาส้ม ผลไม้กวน น้ำผลไม้พร้อมดื่ม(ลูกหว้าด้วย) ทำไวน์จาก ลองกอง สับปะรด ลูกเม่า หม่อน กล้วย โอ๊ย ย ย จาระนัยไม่หมด แต่...นั่นคือ อดีต....ปัจจุบัน คณะเกษตรศาสตร์ ยังเชิญไปร่วมงานบ้าง เช่นเป็นกรรมการ ตัดสินประกวดสวนหย่อม การจัดซุ้มดอกไม้ ของ ม.นร. แต่ที่ชอบมาก ก ก กที่ซู๊ ด ด ด.. คืองาน"คาวบอยไนท์ "ได้แต่งชุดคาวบอย และร้องเพลง "เมื่อฉันขาดเธอ" ของ เพชร พนมรุ้ง ทบทวนอดีต(เล่ายาว...ไปมั๊ยนี่ 5 5 5 )
ภิรมย์:
เป็นผลไม้ประจำจังหวัดเพชรบุรีก็จริง แต่เชื่อมั๊ยครับผมเคย
ขี่รถออกดู ว่ามีตรงไหนเค้าปลูกกันบ้าง หาไม่เจอสักต้น หรือ
ผมหาผิดที่ก็ไม่รู้
ต้องขอบคุณ พี่ลุงชัย โดยเฉพาะการทำน้ำลูกหว้า ไว้ได้ลูก
หว้ามาก่อน ต้องพึ่งสูตรลุงชัยแน่นอน
ดาวเรือง:
ผมชอบกินลูกหว้า เมื่อสมัยเด็กๆลูกหว้าหาง่าย แต่ทำไมเดี๋ยวนี้หายากจัง
น้ำลูกหว้าที่ทำใส่กระป๋องก็ยังไม่เคยเห็นเลยครับ
ลือ:
1.น้ำลูกหว้าแช่เย็น น่าจิบครับ
มีรสชาติเฉพาะตัว สีก็ชวนดื่ม...
แต่ถ้าไวน์ลูกหว้า เคยชิม จะรสฝาดๆ
ผมมันฝั่งพวกชอบกินขนม... เลยชอบไวน์สับปะรดมากกว่า เพราะหวานฉ่ำ และมึนเร็วครับ
2.สมัยเด็กๆ....
1. "ต้นหว้า"ที่มีชื่อเสียงของพวกผม จะอยู่ในค่ายทหารฯ ครับ มีทั้งหมด 3 ต้น....
- ที่ข้างบึงน้ำ อยู่ด้านซ้าย(เวลาเดินเข้า)ของประตูเข้าค่าย หน้าสนามบิน 1 ต้น...
- ที่ริมถนนเส้นใน เข้าทางประตู สร.ไป แล้วค่อยเลี้ยวซ้าย กลางๆค่าย 1 ต้น...
- และริมรั้วลวดหนาม หลัง สร. ก็อีก 1 ต้น....
ที่จริง ในตลาดนัด หน้า สร. ก็มีอีกต้นครับ แต่ต้นไม่ใหญ่อย่างในค่าย
( ลูกหว้าทางใต้จะเล็กๆ กลมๆ...ที่เชียงใหม่จะลูกใหญ่ และรีๆ ไม่กลม -ดูแล้ว ก็เหมือนรูปที่พี่ชัยวางข้างบน)
2. ถ้า"ยาร่วง"(มะม่วงหิมพานต์) ต้องที่สวนครูเทือง เพราะมีหลายต้น ที่ผลจะมีรอยมดไต่เป็นเส้นๆ...เนื้อผลแน่นๆ
กัดแล้วหวานชุ่มคอ...แต่ต้องแอบขโมยเอานะครับ
3. ถ้า"มะขาม" ต้องหลังบ้านจ่าวิจิตร ที่เล่นฉีโพกัน...ต้นใหญ่ ฝักก็ใหญ่ แต่เปรี้ยว แมงยาบชอบมาเกาะเยอะมากครับ...ขย่มที ร่วงกราว หล่นใส่ตะเกียงเจ้าพายุ
4. ถ้า"ลูกยางพารา"-สวยๆ ทน ไม่แตกง่าย ต้องที่สวนครูนวล หลังโรงสีข้างวัด ทางไปค่ายลูกเสือ
5. แต่ถ้า จะกินลูกหยีสด... ลูกเตียน(กระท้อนพันธุ์ลูกเล็ก-อร่อยมากๆ)...ลูกกำชำ หรือ ยอดสะเดา
ต้องไปที่วัดสุวรรณากร เท่านั้นครับ....
ว่าแล้ว ก็อยากกินลูก"ลังแข"....อยากเห็นต้นของมันครับ ไม่เคยเห็น
..."จำปูลิ่ง" ด้วยนะครับ
ลุงชัยนรา:
ข้อเขียนของครู ทำให้ความทรงจำของผมในค่าย "อิงคยุทธบริหาร" เจิดจ้าขึ้นมาอีกครั้ง ทุกๆเรื่อง ที่เกิดขึ้น เกี่ยวข้อง กับตัวลุงชัย ไม่เคย ลืมเลือน ทุกข์ สุข โศก เศร้า เคล้ากับกับความเหน็ดเหนื่อย หยาดเหงื่อ หยาดน้ำตาและหยดเลือด ภายใต้ร่มเงา ของ"พ่อขุนอิงค์"
ลูกหว้ามี 2 ชนิดครับ
1.หว้าหิน ลูกใหญ่(ในภาพ)
2.หว้านา ลูกเล็ก (ไม่มีถาพ)
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version