สโมสรบ้านเพลงไทย > ห้องสันทนาการ

ถ้ำ อาณาจักรมหัศจรรย์ใต้ภิภพ

(1/2) > >>

ภิรมย์:
     เป็นภาพถ่ายถ้ำที่อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นถ้ำที่มีความลึกอย่างมาก
เป็นสิบกิโลเมตร บางช่วงเป็นคูหาที่ใหญ่มากๆ  มีความสูงตั้งแต่ขนาดต้องนอนราบกับ
พื้นแล้วขยับเข้าไปถึงผ่านได้ จนถึงขนาดสูงกระทั่งไฟฉายส่องไม่ถึงเพดานถ้ำ
     ภาพในถ้ำ หลากหลายด้วยหินงอก หินย้อยที่ยังมีชีวิต  บางที่เป็นผลึกของแร่ที่ส่อง
ประกายดุจเพชรยามต้องแสงไฟ บางที่ยังพบหลักฐานว่าครั้งหนึ่งเคยมีผู้คนอาศัยอยูใน
ถ้ำแห่งนี้
     ทั้งหมดเป็นการสำรวจ โดยนักสำรวจถ้ำชาวออสเตรเลียกลุ่มหนึ่ง  ทีต้องใช้ชีวิตอยู่
ในถ้ำ  ความยากลำบากในการสำรวจนั้นไม่ต้องพูดถึง  หลายครั้งแทบจะเอาชีวิตไปทิ้ง
ที่สำคัญคือ ถ้ำที่สำรวจนี้ไม่เคยมีใครเข้าไปสำรวจมาก่อน นี่นับเป็นคนกลุ่มแรกที่เข้าไป
มันจึงเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมาก เพราะพวกเค้าไม่มีทางที่จะรู้เลยว่า  จะต้องเจอกับอะ
ไรบ้างในถ้ำนั้น



ภาพบน นักสำรวจกำลังสนใจกับสิ่งที่พบเห็นนั่นคือ "ไข่มุกถ้ำ"
ภาพล่าง ไข่มุกถ้ำ(oolites)หลากหลายขนาด  เกิดจากผลึกแร่ แคลไซต์ จับรอบ
กรวดทรายขณะที่กลิ้งไปมาด้วยแรงน้ำเป็นเวลาเนิ่นนาน




เป็นภาพหินงอก หินย้อย ที่สามารถพบเห็นได้ในถ้ำ โดยเฉพาะภาพล่างสุด เมื่อ
เทียบกับคนที่ยืนอยู่ด้านล่าง จะเห็นว่าหินงอกหินย้อยนี้สูงใหญ่เพียงใด







ทั้งหมดนี้เป็นหินย้อยที่เกิดจากจับตัวตกผลึกของแร่ แคลไซต์ในรูปแบบต่างๆ
ที่ทำให้ในถ้ำเหมือนโลกมหัศจรรย์


ภาพของ ป่าหินย้อย ที่สะพรั่งไปด้วยหินย้อย stalactite ที่สวยงาม



เป็นสองภาพที่แสดงถีงความกว้างใหญ่ของคูหาถ้ำแห่งหนึ่งที่พบ
สังเกตุดู เทียบกับคนที่กำลังจะข้ามสะพาน



หลักฐานที่แสดงว่าเคยมีผู้คนอาศัยอยู่ สิ่งปลูกสร้างอะไรสักอย่าง
กับภาพวาดโบราณบนผนังถ้ำ เป็นส่วนที่อยู่ปากถ้ำ หรือเข้าไปไม่ลึกนัก


สิ่งมีชีวิตหนึ่งเดียวที่พบในถ้ำแห่งหนึ่ง "ปลาถ้ำ" มันไม่มีตา ไม่มีสี
เนื่องจากอยู่ในถ้ำที่มืดมิด อย่างสันโดษมาช้านาน สิ่งเดียวที่ช่วยให้มัน
มีชีวิตอยู่ได้คือ ประสาทสัมผัสที่ฉับไวมากนั่นเอง

ทั้งหมดเป็นการสำรวจเมื่อ ๒๐ กว่าปีก่อน ถึงปัจจุบันนี้ ไม่รู้ว่าสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรม
ชาติต่างๆเหล่านี้ จะยังอยู่หรือเปล่า เพราะเหมือนว่าจะเคยได้ข่าว จะมีการพัฒนาให้
เป็นแหล่งท่องเที่ยว...น่าวิตกครับ

น้องนางบ้านนา:
จะมีการพัฒนาให้
เป็นแหล่งท่องเที่ยว
......แถวบ้านสถานที่ทุกแห่งที่มีคำนี้เข้ามาเกี่ยวข้องจะเหมือนกันอยู่อย่าง....
........ความเจริญเข้ามาป่าก็หมดไป และสิ่งที่มาแทนคือสิ่งปลูกสร้างของนายทุน การพัฒนาที่เป็นไปตามแนวทางของนายทุน....

....ไม่เชื่อก็คอยดูวัดร่องขุ่นเชียงรายในอนาคตจิ...

ชญาดา:
เรื่องของถ้ำ ก็มีอะไรน่าสนใจ  สวยงามมากมาย แต่่การเข้าไปอยู่ในถ้ำ นานๆ  อากาศน้อย อึดอัด หายใจไม่สะดวก อีกทั้งความอับชื้นด้วยค่ะ อย่างไรก็ต้องระมัดระวัง การเข้าถ้ำ ไปชมสิ่งต่าง ๆ ในถ้ำด้วยจ้า

ลือ:
1. ปางมะผ้า ผมเคยผ่านไปครับ คุณภิรมย์
2. เมื่อ3 ปี ที่ผ่านมานี้...
     ผมได้ไปเยี่ยมบ้านเพื่อนของลูกศิษย์(เรียนราชภัฏเชียงใหม่)ที่ปางมะผ้า
          ลูกศิษย์เราเป็นชนเผ่าล่าหู่ ส่วนเพื่อนเป็นชนเผ่าปกาฆะยอ(กะเหรี่ยง)....
      ที่ๆจะไปนั้น คือตรง "ผาลิ้น"....ของ อ.ปางมะผ้า
  ก็ขี่มอไซคล์ไปกันนะครับ...(คือ เพื่อนลูกศิษย์เขาพักที่วัดป่าดาราภิรมย์ และเขากลับไปบ้านเขา แทบจะทุกอาทิตย์อยู่แล้ว)
      ผมนึกสนุก อยากไปเที่ยว และจะค้างที่นั่น 1 คืน  จึงนัดกัน....
         พอออกจากแม่ริม... เจ้าของบ้านเป้าหมาย ก็ขี่นำด้วยมอไซคล์คันเก่าๆ ....
        ลูกศิษย์ผมขี่มอไซคล์ฮอนด้าใหม่หน่อยตามหลังติดๆ  มีผมนั่งซ้อนหลัง
  ... คนขับนำ พาเลี้ยวซ้ายไปทางห้วยทราย ผ่านโรงเรียนนานาชาติเปรม  ผ่านบ้านสะลวง ผ่านบ้านสันป่ายาง โผล่ออกมาทางบ้านแม่มาลัย(ทางไป อ.ปาย) ซึ่งเป็นถนนหลวงสายในสภาพดีมาก....
        ผ่านบริเวณทางเข้าน้ำพุร้อนโป่งเดือด ผ่านทางเข้าห้วยน้ำดังที่มีทะเลหมอก  ผ่านปางมะผ้า(ที่คุณภิรมย์เล่าเรื่องถ้ำนี้)..ตรงด่าน  มาหยุดที่ผาลิ้น (ซึ่งผมก็มองเห็นป้าย บอกว่าอีกไม่กี่โล จะถึง อ.ปายแล้ว)

       พระเจ้าช่วย !!....แล้วยังจะต้องเลี้ยวซ้าย ขี่ไปตามทางขรุๆขระๆ ผสมกับทาง รพช.(เร่งรัดพัฒนาชนบท)ที่เป็นปูนซีเมนต์ สลับกันไป สองข้างทางคือป่า อีก 27 กิโล.....โอ้โห
        ขณะขี่ตามกัน ผมรู้สึกเหมือนตกอยู่ในความฝัน ณ กลางวันแสกๆ ว่าได้มาผจญภัยอย่างแท้จริง 
  (แต่แค่กลายเป็นตอนแก่ซะ...อิ อิ (วัย 53 ) ....ที่จริง ตอนยังเด็กๆ ผมชอบไป ตามที่แปลกๆมากครับ)....
       ทางเปลี่ยวมาก ไม่มีรถยนต์ หรือมอไซคล์สวนมาเลย...นานๆ จะเจอชาวไทยภูเขาเผ่าลีซูบางคนเดินแบกของเต็มหลัง(ชนเผ่ากะเหรี่ยงจะใกล้ชิดกับเผ่าลีซู มากกว่าเผ่าอื่น)....

      หนทางร่มรื่นก็จริง เพราะผ่านป่า ผ่านสวน ...แต่บางที ทางก็เป็นแค่ร่องน้ำ...มีน้ำซึมผ่านระริกๆ....
   บางที ทางคือต้นไม้ตายสองต้น พาดคู่กัน ข้ามลำธารเล็กๆ  ซึ่งเจอเข้าแบบนี้ ผมขอลงเดินดีกว่า อิ อิ....

     พอหลุดเข้าหมู่บ้านเป้าหมาย....ก็มีโรงเรียน มีสนามบอล สนามบาส  เออแฮะ....เจริญเป็นที่ๆ หย่อมๆ
        กว่าจะถึงบ้านเพื่อนลูกศิษย์...ผมถอนหายใจ เข็ดขยาด
   (ไม่อยากนึก ว่าพรุ่งนี้ ขากลับก็ต้องเจออีกรอบ.....รวมๆ น่าจะเกือบจะ 80 กิโลต่อเที่ยว ทีเดียว)

   ก่อนเข้าบ้าน...  ผมชิงซื้ออาหาร พวกมาม่า ลูกชิ้น ปลาทูนึ่ง จากร้านค้าปากทาง....กลัวเป็นภาระทางบ้านเขาครับ
         มอบอาหารให้แม่เพื่อนลูกศิษย์ แล้วเราก็ไปเดินสำรวจป่ากันครับ
     (บ้านเขาอยู่อย่างสมถะ.... อาจดูรก ไม่มีระเบียบ แต่เขามีสตังค์เก็บเยอะนะครับ... อย่างคอมแล็ปท็อปส์-โน้ตบุ๊ค ราคา เกือบๆ 2 หมื่น เขาก็ว่า จะซื้อให้ลูกขายเขา ณ ตอนนั้นครับ)

    (ที่ผมซื้ออาหารเข้าไป คือ ผมกลัวเขาจะล้มลูกหมู เลี้ยงเรา.... เหมือนตอนปี 2538 ที่ผมเคยเจอครับ...
        ตอนนั้น ผมไปเยี่ยมบ้านลูกศิษย์ ม.2 (ชาวกะเหรี่ยง) ที่ อ. แม่ออน ....เลย อ.เชียงดาว และเลี้ยวขวา เข้าป่าลึกไป
    พี่ชายลูกศิษย์ วิ่งไล่ทุบลูกหมูพื้นเมือง(หมูขี้พร้า/หมูขี้ไก่)ด้วยท่อนไม้ รอบใต้ถุนบ้าน...
            ลูกหมูที่น่าสงสาร ร้อง กวี๊ดๆๆ ก่อนนิ่งไป ต่อหน้าผม...
       ผมไม่รู้สาเหตุ เพราะที่บ้านลูกศิษย์ แม่และพี่ชายแกพูดภาษาไทยไม่ได้เลย ก็ไม่ถามอะไรเขา
  ส่วนลูกศิษย์ พอกลับมาจากไปหาเพื่อนๆ บอกผมว่า พี่ผมฆ่าหมูให้ครูกินไง....ผมงี้ ซึมเลย)

        มายืนยัน ปางมะผ้า ถึงจะเจริญอยู่.... แต่ห่างออกไปไกลๆหน่อย ก็ยังมีบรรยากาศแบบป่าๆ แบบถ้ำๆครับ...

   

ภิรมย์:
     สรุปแล้วครูลือกินกับเค้าหรือเปล่าครับ
ถ้าเป็นผม  คงไม่กล้ากิน  แล้วถ้าไม่กินจะ
เป็นอะไรหรือเปล่าครับ
     เพราะบางที่ บางแห่ง  การไม่รับสิ่งที่
เจ้าของบ้านให้ด้วยไมตรี  เหมือนเป็นการ
ดูถูกดูแคลนเค้า

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

Go to full version