สโมสรบ้านเพลงไทย > ห้องสันทนาการ

ปูมะพร้าว ปูยักษ์ของสยามประเทศ

(1/2) > >>

ภิรมย์:
   เป็นปูจริงๆ ของไทยเรานี่แหละ เป็นกลุ่มปูบนบกทีใหญ่ที่สุดในโลก ที่จริงไม่
บกซะทีเดียว  ในช่วงตัวอ่อนอาศัยในทะเลระยะหนึ่งก่อนที่จะขึ้นย้ายถิ่นฐานมาอาศัย
บนบก ทำมาหากินหาคู่ผสมพันธุ์ พอตัวเมียตั้งท้องก็ไปไข่ในทะเล หมุนเวียนอยูเช่น
นี้ตลอดไป
   ที่ว่าปูบก เพราะว่าจริงๆในทะเลยังมีปูที่ใหญ่กว่านี้อีกคือ "ปูคิงอลาสก้า" และก็"ปู
ยักษ์แทสมาเนีย" แต่นั้นเป็นปูที่อาศัยในทะเลเขตอบอุ่น บ้านเราไม่มีครับ
   ปูมะพรัาว นอกจากใหญ่แล้วยัง"หายาก"อีกด้วย  หลายสิบปีที่ผ่านมารายงานการ
พบปูชนิดนี้ในธรรมชาติเพียงแค่ ๓ ครั้งเท่านั้น (ก่อน พ.ศ.๒๕๔๒)
   ครั้งแรก  เป็นตัวปูส่งมาจากหมู่เกาะ สิมิลัน
   ครั้งสอง  เป็นตัวปูเช่นกันมาจากระนอง
   ครั้งสาม  เป็นภาพถ่ายที่ได้จากหมู่เกาะ สิมิลัน เช่นกัน
   หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  เคยตั้งทีมคณะสำรวจ  ออกค้นหาเจ้าปูชนิดนี้ แต่ก็คว้าน้ำ
เหลว หาไม่พบเลย
   จริงๆ  แล้วเราไม่เคยมีการศึกษาเรื่องราวของเจ้าปูชนิดนี้เลย  ที่เราทราบก็เพียง
เล็กน้อย เหมือนเป็นตำนานที่เล่าต่อๆกันมามากกว่า
   ว่ามันเคยอาศัยในทะเลและชายฝั่งแถบอันดามัน  และความที่ว่าเนื้อมันมีรสชาด
อร่อย  เลยถูกมนุษย์เราเอาไปกินซะหมด  จนเชื่อว่าอาจจะสูญพันธุ์ไปจากแผ่นดิน
ไทยเราแล้ว
   ปูชนิดนี้กินอาหารได้หลากหลาย เศษผลไม้ ใบไม้ ซากเน่าเปื่อย  หรือพวกเดียว
กันเองแต่ที่แปลกและสำคัญทีมันถูกเรียกว่า "ปูมะพร้าว" ก็เพราะว่ามันสามารถปีน
ขึ้นไปบนต้นมะพรัาวได้  มันจะใช้ก้ามที่ทรงพลังค่อยๆ ปลิดลูกมะพร้าวให้ตกลงมา
จากนั้นก็จะปีนลงมา  ใช้ก้ามอีกนั่นแหละเจาะลูกมะพร้าวเอาเนื้อมันมากินได้  เลย
เป็นที่มาของชื่อ "ปูมะพร้าว"
     มีรูปเจ้าปูชนิดนี้มาให้ดูครับ หลายรูปเลย อาจสงสัยว่า ใหนว่าหายากแต่ทำไม
รูปแยะจัง
     อันนี้ต้องขอบคุณ คุณปองพล อดิเรกสารและคุณธำรงค์ ประกอบบุญ ครับ ทั้ง
สองท่านเป็นผู้ที่ตัดสินใจนำปูชนิดนี้จากประเทศเซเชลส์   จำนวน ๒๓ ตัวเป็นตัวผู้
๔ ตัวเมีย ๑๙ เลี้ยงไว้ที่สถาบันวิจัยชีววิทยาและประมงทะเล ที่ภูเก็ต
     จุดประสงค์หลักก็เพื่อการขยายพันธุ์และปล่อยคือสู่ธรรมชาติ ให้ "ปูมะพร้าว"
ได้คืนสู่ความจริงหลังจากเป็นตำนานมานาน














จะเห็นได้ว่าขนาดมันใหญ่โตมาก ดูรูปที่เทียบกับช่างภาพ
หรือรูปที่กำลังปีนต้นไม้ ก็พอจะทราบได้

ข้อมูลและภาพถ่าย ต้องขอบคุณ
Advanced Thailand Geographic ฉบับที่ ๓๗ ปีที่ ๔
เดือน พฤศจิกายน  พ.ศ. ๒๕๔๒

ชญาดา:
เห็นภาพแล้ว ลักษณะคล้ายแมงมุม  คงจะไม่น่ารับประทานเท่าไรแล้ว ค่ะ55555 แค่่ลำพังปูม้า บ้านเรา เวลาที่นึ่งแล้วนำมาวางทั้งตัว ก็ไม่น่าหม่ำแล้วค่ะ เหมือนตัวแมลงอะไรก็ไม่รู้ คนเรานี่อะไรก็นำมากินหมดค่ะ แต่คนชอบปูก็มีมากไม่สนใจหรอกว่่า หน้าตาเป็นอย่างไร แต่อย่างไรเสียก็เป็นอาหารของมนุษย์จ้า 

ภิรมย์:
     ไม่มีอะไรน่ากลัวเท่ามนุษย์ ของบางอย่างไม่น่ากินก็กิน บางอย่าง
มีพิษอันตรายก็หาวิธีกินจนได้  กินไม่กินเปล่า  กินจนแทบจะสูญพันธุ์
คนจำพวกนี้ไม่ได้กินเพื่ออยู่ แต่อยู่เพื่อกินแท้ๆ

พีระ:
นับวันสัตว์เหล่านี้ จะร่อยหรอไปเรื่อยๆ เนื่องจากทนพิษบาดแผล จากเคมีที่มนุษย์เอามาใส่ลงในดิน ไม่ได้
ท้ายที่สุดพิษเหล่านั้นก็มาสนองผลกับมนุษย์เอง นี่แหละครับ โลกที่มีแต่ความโลภมาก อยากได้มากจนเกินเหตุ

ลุงชัยนรา:
...มนุษย์นี่เป็นสัตว์ที่น่ากลัว... พันธ์หนึ่ง กินทุกอย่าง....พืชผัก ผลไม้ สัตว์ป่า สัตว์เมือง..แถมยังกินของแปลกๆอีก ไม่ว่า อิฐ หิน ดิน ทราย ถนน สะพาน..แถมยัง กินเลือด กินเนิ้อ เหงื่อไคล เพื่อนมนุษย์ ด้วยกันเสียอีก น่าสะอิดสะเอียนเนาะ....

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

Go to full version