วิธีที่หลวงตาไสวใช้สั่งสอน
ใช้แก้ปัญหาให้แก่ผู้คน
มิใช่การท่องบ่นธรรมะให้ฟัง
นั่งนิ่งภาวนา ปลุกเสก หรือแสดงปาฏิหาริย์
หากแต่มาจากการประพฤติปฏิบัติ
ของหลวงตาเอง
***************
ศีลห้าครองโลก
ณ ขณะที่ญาติโยมตัวน้อยๆ ต่างเลือกตุ๊กตากระปุกออมสิน หลวงตา
จะคอยดูคอยแนะอยู่ใกล้ๆ พูดคุยกับเด็กอย่างเป็นกันเองสนุกสนาน โดย
จะสอดแทรกหลักธรรมเข้าไปด้วย เด็กๆ ก็จะเรียนรู้ซึมซาบเข้าไปโดยไม่รู้
ตัวอยู่เสมอ
“นี่ตัวอะไร .....ลิง หนูๆ เห็นมั้ยว่าลิงทางใต้อยู่ในป่า ไม่มีประโยชน์
พอคนจับเอามาฝึก ยังขึ้นมะพร้าวได้ วันหนึ่งตั้ง ๔-๕ ร้อยลูก เราเอาลิง
มาสอนมันยังจำ แล้วหาเงินให้เจ้าของ เลี้ยงก็ง่ายด้วย แต่เราเป็นลูกคน
แท้ๆ สอนเป็นสิบปีไม่เคยจำ ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย บางทียังสร้างความเดือด
ร้อนให้พ่อแม่ ระวังจะอายลิงนะ” หลวงตาเตือน
“นี่อะไร ....แม่ไก่ .. มันกกลูกมัน เวลากกลูก ดุนะ สุนัขมายังสู้เลย
พอโตขึ้นมาหน่อย ก็สอนลูกคุ้ยเขี่ย พอลูกมีปีกมีหาง ต้องช่วยตัวเองให้
พ้นปากเหยี่ยวปากกานะ ก็เหมือนพ่อแม่เราที่สอนลูกส่งลูกให้เรียนหนัง
สือ แต่พอโตขึ้นมีครอบครัวไปแล้ว ยังกลับมาแบมือขอเงินพ่อแม่ อย่าง
นี้ต้องให้ไก่มันจิกเอาบ้างแล้ว” นี่กลเม็ดหลวงตาเวลาสอนเด็ก
และไม่ว่าจะมีเด็กมาหาหลวงสักกี่คน คนสองคนหรือมาทั้งโรงเรียน
จะเป็นใกล้วัด หรือมาจากต่างที่ต่างจังหวัด หลวงตามักพูดเสมอว่า
“สนุกไปละ คุยกับเด็กๆ ไม่เบื่อหรอก ให้เขาปรับปรุงตัวเองขึ้นมา เด็ก
ๆ เขาเข้มแข็ง เขาสู้นะ ที่มาหาหลวงตาส่วนใหญ่นี่ เขาก็เซ็นสัญญาว่าจะ
ไม่พูดปดไม่พูดคำหยาบ และเลิกกินน้ำอัดลม รู้จักประหยัดรู้จักออม”
“แล้วต้องมีตัวอย่างให้เขาเห็น ที่แตกๆ นั่นไง คนอื่นทำได้ เขาก็ต้องทำ
ได้ ยิ่งมีพ่อแม่มีผู้ใหญ่เป็นกำลังใจด้วยแล้ว” ... “เด็กดีซะตั้งแต่เล็กๆ โต
ขึ้นก็เป็นผู้ใหญ่ที่ดี...”
“ความดี” ที่หลวงตาพูดถึงนั้น เริ่มต้นได้ง่ายๆ แม้นในการใช้ชีวิตประ
จำวันของเด็กๆ นี่เอง ทั้งเรื่องความกตัญญู ความซื่อสัตย์ การประหยัด
การพูดจา
และถึงที่สุด เมื่อเดินกลับออกไปจากโรงปั้น ภายหลังจากการพูดคุย
อย่างสนุกสนานกับพระแก่ ที่ไม่มีข้อธรรมะที่ลึกซึ้ง ยากที่จะเข้าใจ เด็กๆ
ก็หลงกล รับศีลห้าไปจากหลวงตาไสวเรียบร้อยแล้วทุกคน ...ก็ที่หลวงตา
ถามๆ มาตั้งหลายข้อ ให้เผลอตอบไปนั่นแหละ
“คุยไปคุยมา เด็กๆ รับศีลห้าจากหลวงตาไปกันเรียบร้อย ถ้าเด็กมีศีล
ห้าก็สบายแล้ว ศีลห้าเขาพอทำได้ ศีลห้าครองโลกนะ เป็นพื้นฐานที่สำ
คัญที่สุด ไปที่ไหนก็ได้ ศีลห้านี่ทันสมัยสำหรับทุกยุค ไม่มีอะไรผิด ใช้ได้
กับทุกเพศ ทุกวัย ถ้าทุกคนในโลกมีศีลห้า โลกนี้จะไม่มีปัญหาใดๆ เลย”
หลวงตาว่า พอเด็กมีศีล โตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ก็มีศีล เป็นผู้ใหญ่ที่ไม่มีปัญ
หา แต่สำหรับผู้ใหญ่ของวันนี้ที่ยังไม่ค่อยจะมีศีลห้า หลวงตาก็มีกลวิธีรับ
มือ จัดการ ...อย่างสนุกสนานตามสไตล์หลวงตาไสว
อย่างครอบครัวที่เพิ่งมาถึงโรงปั้นครอบครัวนี้ หลังจาก สนทนาธรรม
สไตล์หลวงตาไสวกับเด็กๆ ไปแล้ว หลวงตาก็หันมา “สนทนาธรรม” กับผู้
ใหญ่บ้างละ ตั้งเนื้อตั้งตัวกันให้ดี ญาติโยมผู้ใหญ่ทั้งหลาย
“เด็กๆ รับศีลกันไปครบหมดแล้ว แล้วผู้ใหญ่ไม่เอากับเขาบ้างหรือ”
ถึงตอนนี้หลวงตาละสายตาจากเด็กๆ หันมาทางพ่อแม่ ลุงป้าน้าอา
ของเด็กๆ แทน
“เย็นๆ ก๊งเหล้า เหลือแค่ศีลสี่แล้วนะโยม” หลวงตายิ้มอย่างใจดี
“โยมน่ะ กินเหล้า สูบบุหรี่บ้างหรือเปล่า”
“นิดหน่อยครับ” เสียงอ้อมแอ้มตอบมา เจ้าตัวเล็กที่เพิ่งเซ็นชื่อในสมุด
เยี่ยมสัญญาเลิกกินน้ำอัดลม นั่งอยู่ข้างๆ มองหน้าพ่อตัวเองตาเป๋ง
“หลายนิดหลายหน่อยก็โขอยู่นะ ...ที่ไม่ค่อยดื่ม ก็ดื่มอยู่เหมือนกันใช่
มั้ยล่ะ หลวงตาจะเล่าให้ฟัง มีคนแก่มาหาหลวงตา เคี้ยวหมากหยับๆ
หลวงตาถามโยมอายุเท่าไรแล้ว ....๘๕ แล้ว เลิกรับทานหมากเสียได้มั้ย
แกหัวเราะ ว่าอิฉันกินมาแต่สาว แล้วต้องตายกับหมากนี่ละ เลิกไม่ได้
หรอก เลิกแล้วจะเป็นลม ....หลวงตาถามโยมอายุ ๘๕ ... แล้วทำสมาธิ
บ้างหรือเปล่า ...... ทำสิ ทำไมจะไม่ทำ ทำเป็นนิจสิน ก็ถวายชีวิตกับพระ
พุทธเจ้าแล้ว..... โยมถวายชีวิตพระพุทธเจ้า แต่กับหมากเท่านี้ถวายไม่
ได้เหรอ ....เท่านั้น ..โยน กระเป๋าหมากทิ้งไปเลย..”
“อีกคนเป็นลูกเสือชาวบ้าน แก่แล้ว มาเข้าค่ายลูกเสือที่นี่ เขาสูบบุหรี่
ด้วย ....โยม เลิกบุหรี่ได้มั้ย แกว่าไม่ได้ เพราะสูบมานานแล้ว... โยมผูก
ผ้าพันคอลูกเสืออย่างนี้พบคอมมิวนิสต์นี่สู้มั้ย เขาว่า สู้ตาย เสี้ยนหนาม
ของประเทศชาติ หลวงตาเลยว่าพวกนั้นมีอาวุธนะทั้งปืน ทั้งระเบิด เขา
ว่าไม่ต้องพูดถึง สู้ตาย สู้ตาย... แหมยอดจริงๆ แต่ทำไม บุหรี่เป็นแค่ใบ
ไม้ ทำไมสู้ไม่ได้ล่ะ ...ฮึ ..เขาโกรธ โยนบุหรี่ทิ้งเลย... นี่โยมเห็นมั้ย ถุงไฟ
แช็คหนักเกือบสามสิบโลแล้ว บุหรี่นี่กองพะเนิน ที่มีคนเขามาเลิกที่นี่นะ”
หลวงตาชี้ให้ดูหลักฐานที่กองอยู่ด้านข้างโรงปั้น ทั้งขวดเหล้า(ที่มีน้ำ
อยู่ก็มี)บุหรี่ ยานัตถุ์ หมาก ฯลฯ หลวงตาบอกไว้เป็นแรงบันดาลใจสำหรับ
“หน้าใหม่”
“โยมแขวนพระเต็มคอ ตกเย็นเดินโซเซๆ ไหวเหรอ ไหวเหรอ ลูกๆ
หลานๆ ยังรับศีลห้าไปแล้วเลย เลิกซะเถอะโยม ลงชื่อในสมุดเยี่ยมเล่ม
เดียวกับลูกนั่นหล่ะ เดี๋ยวหลวงตาให้สิงห์ตัวหนึ่ง ใครอุ้มสิงห์ออกไปนี่ยอด
เลย ที่หน้าวัดเขารู้กันละ ว่าเลิกเหล้าเลิกบุหรี่ได้ ใจสิงห์แท้ๆ เลยเทียว
ชาติเสือต้องไว้ลาย ชาติชายมันต้องไว้ศักดิ์ศรีนะ กินไปทำไมของเสพย์
ติดให้โทษนะ”
นี่ ...ดูยุทธวิธีของหลวงตาท่านเสียบ้าง สนุกหลวงตาไปละ หลวงตา
ว่า ปัญหาต่างๆ ในชีวิตของคนเรา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาอะไรต้องใช้กำลัง
ภายในตัวเรานี่เองออกมาสู้ แต่ไม่ค่อยมีใครรู้ ถึงรู้ก็ไม่ค่อยเอาออกมาใช้
กัน ต้องมีคนคอยกระตุ้นเตือน...อย่างที่หลวงตากำลังทำอยู่นี่แหละ
เป็นอันว่าครอบครัวนี้ตอนกลับ พ่อเดินอุ้มกระปุกรูปสิงห์ ลูกอุ้มกระ
ปุกโดเรมอนจูงมือแม่เดินตาม หน้าบานยิ้มแก้มตุ่ยกันทุกคน
นี่ยังไม่นับพ่อแม่บางคนที่มีแรงฮึดขึ้นมาเอง หลวงตาเล่าว่า เคยมี
เหมือนกันพอลูกกราบพ่อแม่ก็เกิดปิติ ...”พ่อควักกระเป๋าเลย ผมขอเลิก
บุหรี่เพื่อลูก เซ็นสัญญาเอาไว้เลยว่าจะถวายบุหรี่เป็นพุทธบูชาตลอดชิวิต
กำลังเซ็นอยู่ แม่มันกระซิบบุหรี่เลิกแล้ว เหล้าล่ะ ? พ่อเลยฮึด เอาวะเลิก
เหล้าด้วย ไปหยิบขวดเหล้าจากในรถมาทิ้งเลย... เขาเกิดปิติละนะ เมื่อ
ลูกเทียบพ่อแม่ว่าเป็นพระอรหันต์
แผนเรียกเด็กเข้าวัดของหลวงตาไสว ยังเป็นตัวชักนำผู้ใหญ่ให้ตามมา
ด้วย หลวงตาว่าที่แล้วๆมา ผู้ใหญ่มักทำให้เด็กเสีย เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี
บ้าง ชักจูงไปในทางที่ผิดบ้าง แต่หลวงตาจะใช้เด็กนี่ละเป็นคนนำพาผู้
ใหญ่ให้เป็นคนดีขึ้นมา เป็นครอบครัวที่ดีขึ้นมา
“ต้องเริ่มจากครอบครัว ถ้าส่วนเล็กๆ ยังไม่ดี ใหญ่ขึ้นมาจะดีได้อย่าง
ไร แล้วถ้ากลุ่มเล็กๆ ไม่ดี ไปเข้ากลุ่มใหญ่ก็พาเสียกันไปหมด
“ถ้ามีจุดเล็กๆ ที่ดีๆ มากเข้า สังคมก็จะดีแน่นอน”
ที่สำคัญ หลวงตาว่า ต้องใจเย็นและมีความหวัง.....
จาก นิตยสาร "สารคดี"
ฉบับที่ ๑๑๗ ปีที่ ๑๐ เดือน พฤศจิกายน ๒๕๓๗