สโมสรบ้านเพลงไทย > ห้องสันทนาการ
10 อันดับขนมอันตราย
น้องนางบ้านนา:
เครดิต...https://www.facebook.com/photo.php?fbid=478008822273290&set=a.397486816992158.91519.135957369811772&type=1&theater
10 อันดับขนมอันตราย
อันตรายจากอาหารขบเคี้ยว ข้อมูลจากการสำรวจ ของราชพฤกษ์โพล คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งเก็บตัวอย่างจากขนมหลายประเภท จากโรงเรียนอนุบาลและประถมศึกษา จำนวน 40 โรงเรียน ในพื้นที่17 เขตของกรุงเทพมหานคร พบว่าภัยร้ายที่แฝงอยู่ในขนมเด็ก โดยเฉพาะสารตะกั่วซึ่งเป็นพิษต่อร่างกาย ขณะเดียวกันก็ยังพบสารอันตรายอื่นๆ โดยเฉพาะเกลือโซเดียมในปริมาณมากน้อยต่างกันไป ซึ่งหากบริโภคมากจนตกค้างสะสมในร่างกาย อาจมีผลให้เส้นเลือดในสมองโป่งพองได้
10 อันดับขนมขบเคี้ยวประเภทข้าว แป้ง ที่พบปริมาณโซเดียมสูงสุดดังนี้
10.ข้าวเกรียบ คราเอฟเอฟ รสมะเขือเทศ
9. ข้าวเกรียบกุ้ง ตรามโนห์รา
8. ข้าวเกรียบปลา ตรามโนห์รา
7. ข้าวเกรียบกุ้ง ตราคาลบี้ รสต้มยำรสแซบ
6. แป้งข้าวโพดอบกรอบ ตราโจโต้ รสปลาหมึก
5. แป้งมันฝรั่งทอดกรอบ ตราโรลเลอร์ โคสเตอร์ รสหัวหอมทรงเครื่อง
4. ข้าวเกรียบกุ้ง ตราฮานามิ รสเม็กซิกันชิลลี่
3. ข้าวเกรียบทอด ตราเอฟบี รสพริกหยวก
2. ขนมทอดกรอบตราปูไทย
1. ข้าวเกรียบปลาหมึก ตราอาริงาโต
***************** **********
เครดิต เรื่อง ชีวอโรคยา นำมาจาก เด็กดีดอทคอม มค.2556
ขอขอบคุณภาพประกอบจากบางส่วนของ บทความ 10 อันดับขนมอันตราย โพสต์จัง ดอทคอม
แบ่งปันความรู้ทั่วไป เพื่อความพอเพียง และสุขภาพที่ดี โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม
ชีวอโรคยา อยากให้ทุกคนมีสุขภาพดีไม่พึ่งสารเคมี ไม่ต้องรอให้ป่วยไปเสียค่ารักษาพยาบาลแพงๆ
ติดตามข้อมูลข่าวสารการดูแลตัวเองวิถีธรรมชาติ ไม่พึ่งสารเคมีได้ที่ Facebook ชีวอโรคยา
www.facebook.com/pages/ชีวอโรคยา/135957369811772
ชญาดา:
ขอบคุณมากค่ะ ที่มาแจ้งข่าวให้ทราบ เคยซื้อมาทานข้าวเกรียบกุ้ง มโนราห์ กับ ฮานามิ นานมาแล้ว เดี๋ยวนี้ไม่ได้ซื้อมากว่า สิบห้าปี ขนมเหล่านี้ใส่ชูรสเยอะ ทานแล้วหิวน้ำทันทีค่ะ
ลุงชัยนรา:
....ขอบคุณท่านเหมยขาบ ที่นำสาระความรู้ สิ่งที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมาฝาก...สิ่งเหล่านี้ไม่มีโิอกาศได้เงินไปจากบ้านพวกเราหรอกครับ เพราะพวกเรา"กลัว" กันครับ เราเลยทำขนมกรุบกรอบ ทานกันเอง แม้แต่หลานตัวเล็กๆ เราก็มีขนมกรุบกรอบ กินแบบสบายใจ เช่น
1. ข้าวแต๋น ข้าวตัง ข้าวพอง(แล้วแต่เรียกกันไป แต่มันคืออย่างเดียวกัน)
2.มันฝรั่งไม่มี เราก็เอามันเทศที่ปลูกเอง หั่นให้เหมือนเฟร้นฟรายส์ ตากหมาดๆมาทอด ก็อร่อยดี
3.ผักทุกชนิดที่มีในสวน เราเอามาชุบแป้งทอด ทำน้ำจิ้มหวานๆผสมบ๊วย ก็อร่อยดี
4.เน้นให้ทุกคนทานผลไม้ที่มีในสวน เงาะ ลองกอง กระท้อน ส้มเช้ง มะพร้าวน้ำหอม และผลไม่พิ้นบ้าน ที่เคยลงเรื่องราวในบ้านเราครับ
...เราจะฝึกและพร่ำสอน ให้เด็กๆทุกคนได้ทราบ โทษและพิษภัยจากสารปนเปื้อนต่างๆ น้ำอัดลมก็ไม่ดื่มกัน เราเน้นน้ำพืช ผัก ผลไม้ที่เรามี เพราะเรากลัวจริงๆ ครับ
ชบาบาน:
สารัตถะที่มีประโยชน์ เขียนด้วยลีลาราบเรียบแต่ลื่นไหลชวนติดตาม ก็ท่านลุงชัยนี่แหละ ขอบคุณขอรับกระผม
ลือ:
1.ขอบคุณคุณน้องนางบ้านนามากครับ
รายชื่อขนมข้างบน.... เคยซื้อกินบ้างครับ พอลิ้นหายอยาก...
แต่ก็รู้สึกเหมือนที่คุณน้องนา-ชญาดาว่า คือ ขนมกรุบกรอบมีส่วนผสมเป็นผงชูรสเยอะทุกยี่ห้อ
กินแล้วคอแห้ง.....
2.อยากกินขนมท้องถิ่นใต้ ค่าที่ตัวเองจากบ้านเกิดมา ครบ 30 ปี ปีนี้พอดี....
จากกระทู้ข่าวนี้ของ....
http://radio.prd.go.th/songkhla/ewt_news.php?nid=2344&filename=index
ขนมที่ผมนึกอยากกิน ผมได้ทำกราฟิกสีแดงไว้ครับ
".... อุทยานวิทยาศาสตร์ มอ.ร่วมกับศูนย์วิจัยเพื่อส่งเสริมและบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวลุ่มน้ำ ทะเลสาบสงขลา คณะการจัดการสิ่งแวดล้อม ม.อ. ร่วมกันจัดโครงการอนุรักษ์ขนม-อาหารพื้นถิ่นภาคใต้ ครั้งที่ 1 "ขนมพื้นถิ่นบริเวณลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา” ขึ้น เพื่อให้เด็กและคนรุ่นใหม่ได้มีโอกาสลองลิ้มชิมขนมพื้นบ้านภาคใต้ รับรู้ความต่างในรสและวัตถุดิบที่หลากหลาย หรือเพื่อกระตุ้นเตือนภาพความทรงจำครั้งอดีตของผู้ใหญ่ที่เคยติดใจรสชาติขนม เหล่านี้เมื่อครั้งยังเยาว์วัย เป็นการสร้างกำลังใจให้กับผู้ผลิต และสืบสานภูมิปัญญาพื้นบ้าน ทางอุทยานวิทยาศาสตร์ฯ จึงได้ให้การสนับสนุนนักวิชาการค้นคว้าองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้อง จนสามารถรวบรวมชื่อขนมท้องถิ่นได้จำนวนหนึ่ง อาทิ ขนมบอก ขนมค้างคาว เหนียวเออะ ขี้มอด ปำจี คอเป็ด จู้จุน มอซี่ ฯลฯ ...."
ดึงชื่อขนมออกมาอีกทีครับ
1.ขนมบอก (=ขนมที่(เคย)อยู่ในกระบอก คล้ายๆขนมกรวยใบตอง)
2.เหนียวเออะ(ข้าวเหนียวนึ่งถาด ราดหน้ากะทิข้น และปูหน้าอีกที ด้วยหน้ากุ้งผัดหวาน ตัดขายเป็นชิ้น)
3.ปำจี (ขนมแป้ง จี่ในกระทะ ใส่ไส้มะพร้าวผสมเกลือ แล้วพับ)
4.คอเป็ด (ขนมแป้งทอดกรอบ แล้วคลุกน้ำตาลเคี่ยว ขนมจะกรอบและเหนียว เคี้ยวจนเมื่อยขากรรไกร)
5.จู้จุน (ขนมฝักบัวนั่นเอง...เอากระบวยตักน้ำแป้ง เทในน้ำมันร้อน รอจนสุก)
6.มอซี-ม่อฉี่(น่าจะมาจากชื่อ"ขนมโมจิ")
-เล่าว่า สมัยสงครามโลกครั้งที่2 ทหารญี่ปุ่นยกมาขึ้นฝั่งที่สงขลา
คนไทยมีโอกาสเห็นทหารญี่ปุ่นทำขนมโมจิกินกัน...
จึงนำมาทำกินเองบ้าง แต่คงเพี้ยนวิธีทำ และการเรียกชื่อขนมไปตามลักษณะไทย
ม่อฉี่ของทางใต้ เป็นแป้งนึ่ง ปั้นสดเป็นรูปไข่กลม ใส่ไส้เป็นน้ำตาลทราย งาคั่ว ถั่วคั่วป่น
แล้วคลุกแป้งอีกทีกันขนมติดกัน แต่เวลาวางขาย ก้อนขนมที่นิ่มจะแบนลงนิดนึง ดูคล้ายไข่เต่า
ยังครับ ...-ยังมีที่ผมอยากกินอีก คือ
7.ขนมหน้าหมู (นึ่งน้ำแป้งในถาด ก่อนแป้งสุกเทส่วนผสม ที่เป็นหมูหั่นหรือบดเป็นชิ้นเล็กๆ(ผัดกับกระเทียม?-ไม่แน่ใจครับ)ลงไป แล้วนึ่งต่อจนสุก เวลาขาย จะตัดแบ่งเป็นชิ้นครับ)
8.ขนมกอหลี (น่าจะคือขนมเหนียวของกรุงเทพฯ ของทางใต้จะนึ่งแป้งข้าวเหนียวที่ผสมน้ำใบเตยจนสุก เอากรรไกรคีบตัดเป็นชิ้นเล็กๆใส่ลงในถาดที่มีมะพร้าวขูดใส่เกลือ คลุกไม่ให้แป้งติดกัน
เวลาขาย ตักชิ้นขนมพอควร ราดน้ำเชื่อมที่ข้นและหวานจัด โรยข้าวคั่วครับ...อร่อย อิ อิ
:01 :01 :01 :01 :01
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
Go to full version