มะไฟกา - มะไฟป่า
(http://i225.photobucket.com/albums/dd30/wiwanangle/Crumble2/2.jpg?t=1188309552)
1. ชื่อ มะไฟกา
2. ชื่ออื่น มะไฟเต่า ส้มไฟป่า ส้มไฟดิน
3. ชื่อวิทยาศาสตร์ Baccaurea scortechinii Hook.f. (ชื่อพ้อง B. parviflira Muell. Arg.)
4. วงศ์ EUPHORBIACEAE
5. ชื่อสามัญ Chinese Lantern Tree.
6. แหล่งที่พบ ภาคใต้
7. ประเภทไม้ ไม้ยืนต้น
(http://www.biogang.net/upload_img/biodiversity/biodiversity-131653-2.jpg)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ต้น ไม้ยืนต้นสูงประมาณ 6-10 เมตร เปลือกลำต้นสีเทาอ่อนปนน้ำตาล แตกเป็นสะเก็ดเล็กๆ บางๆ
ใบ ใบเดี่ยวเรียงตัวตรงกันข้าม ออกรวมกันเป็นกลุ่มตามปลายกิ่งข้อต่อระหว่างโคนใบกับก้านใบจะบวมพอง ใบรูปไข่กลับปนขอบขนาน (obovate-oblong) ปลายใบแหลม (acute) ฐานใบสอบเว้า (cuneate) ขอบใบเรียบ (entire) ใบเกลี้ยงทั้งสองด้านใบอ่อนสีน้ำตาลแดง ขนาดใบกว้างประมาณ 5-7 ซม. ยาวประมาณ 10-16 ซม.
ดอก ดอกไม่สมบูรณ์เพศมีดอกเพศผู้และดอกเพศเมียอยู่คนละต้นกัน (dioecious plant) ออกเป็นช่อแบบ raceme โดยจะออกบริเวณลำต้นและกิ่ง ช่อดอกเพศผู้ยาวประมาณ 10-12 ซม. กลีบเลี้ยงมี 4-5 กลีบ ไม่มีกลีบดอก มีขน (tomentose) สีขาวปกคลุมดอกเพศเมียมีขนาดใหญ่กว่าดอกเพศผู้ กลีบเลี้ยงมี 4-5 กลีบ ไม่มีกลีบดอก รังไข่อยู่เหนือฐานรองดอก (superior ovary) มีขนอ่อนนุ่ม (silkly) ปกคลุม ก้านชูยอดเกสรตัวเมีย (style) มี 3 อัน ยอดเกสรตัวเมีย (stigma) แยกออกเป็น 2 แฉก รังไข่มี 3 ห้อง (locule)
ผล ผลสดเป็นแบน (berry) มี 3 ห้อง แต่ละห้องมี 1 เมล็ด ผลรูปร่างกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2-3 ซม. ผลแก่มีสีแดงอมม่วง เปลือกหุ้มมีลักษณะเหนียวและหนา เนื้อหุ้มเมล็ดมีสีเหลืองอ่อนรสเปรี้ยว เมล็ดรูปร่างกลมแบน เส้นผ่าศูนย์กลาง 1 ซม.
ประโยชน์ :
(http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/866/48866/images/mafaika/014a.jpg)
- ผลอ่อน มีรสเปรี้ยวอมฝาด ใช้บริโภคเป็นผักสด
- ผลสุก บริโภคเป็นผลไม้สด
- ราก ต้มน้ำดื่ม บำรุงร่างกาย แก้ไอ แก้ปวดท้อง โรคกระเพาะอาหาร อาหารไม่ย่อย หรืออาหารเป็นพิษ ท้องเสีย
ในแถบปัตตานี นราธิวาส นิยมนำเปลือกของผลมะไฟกามาใส่แกงส้มแทนส้มแขก หรือมะขาม
ในอดีคเมื่อเข้าป่า ล่าสัตว์ ไม่ว่าค่าง หมูป่า หรือ ฟาน ตอนกลับออกมาก็จะนำมะไฟป่า ออกมาด้วย เพื่อนำมาปรุงอาหาร ที่ต้องการ รสส้ม ไม่ว่า ต้ม ยำ ทำแกงส้ม(เหลือง) ใช้ได้หมด และนำมากินกับพริกเกลือ ก็สะใจได้แรง ในรสชาต แต่ปัจจุบัน นับวันจะหายาก เพราะป่าเชิงเขา กลายเป็นสวนยางพารา ไปหมดแล้ว พืชป่าพันธ์เมือง นับวัน จะร่อยหรอ ไปหมดแล้ว ในอนาคต พวกเราทุกคนคงจะรู้จักกับมันเหล่านั้น ผ่าน เวปไซด์ ต่างๆ เท่านั้น...เอง