บ้านเพลงไทย ความภูมิใจของคนไทยรักษ์เพลง

สโมสรบ้านเพลงไทย => ห้องสันทนาการ => ข้อความที่เริ่มโดย: ลุงชัยนรา ที่ เมษายน 14, 2013, 06:40:30 PM

หัวข้อ: อัมพวา
เริ่มหัวข้อโดย: ลุงชัยนรา ที่ เมษายน 14, 2013, 06:40:30 PM
                       ลูกอัมพวา หรือมะเปรียง ผลไม้พื้นบ้านที่หลายคนมองข้าม

                                                 
  (http://[url=http://www.nanagarden.com/Picture/Product/400/153191.jpg]http://www.nanagarden.com/Picture/Product/400/153191.jpg[/url])
                                                   (http://board.postjung.com/data/499/499437-topic-ix-1.jpg)
      ลูกอัมพวา หรือมะเปรียงภาคใต้เรียก ขามคางคก มังคะ เป็นผลไม้พื้นบ้าน
คนที่เคยกินบอกว่ารสชาดเหมือนชมพู่มะหมี่ยว
มีเกร็ดเล็กๆน้อยๆอย่างนึงก็คือ ต้นอัมพวานี่บางพื้นที่ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นทางภาคใต้ เค้าเรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า ลูกXXX (ถอดความเป็นภาษาสุภาพได้ว่า ผล..อวัยวะเพศของสุนัขตัวเมีย (ขอโทษนะครับ พยายามไม่ให้หยาบคายสุดๆแล้ว) เป็นเพราะเหตุที่มีชื่อแสลงหูแบบนี้หรือเปล่า จึงไม่นำไปถวายเจ้าใหญ่นายโต

ส่วนชาวไทยเชื้อสายจีนในเมืองปัตตานีเรียกชื่อได้จั๊กกะจี๋กว่านั้น
เขียนไม่ได้ครับ โดนเซ็นเซอร์เเหงๆ/เค้าดูจากรูปร่างด้านที่มันเเหลมๆน่ะค่ะ

ต้นอัมพวา หรือต้นมะเปรียง นี้เป็นพืชที่หายาก
บางต้นมีอายุกว่าร้อยปีเป็นพืชดอกที่ออกตามต้น
ดอก จะอยู่รวมกันเป็นกระจุก ก้านดอกมีเกล็ดสีน้ำตาลหุ้มอยู่
ดอกมีสีเหลือง ขาวแซมม่วงเล็กน้อย
ผลมีรูปร่างแบน คล้ายมะม่วง แต่มีรอยหยักไม่น่าดู
ผลอ่อนมีสีน้ำตาลแกมเขียวเมื่อเจริญขึ้นมีสีเหลือง
ผลดิบมีรสคล้ายมะม่วงดิบ เมื่อผ่ากลางจะมีลักษณะเมล็ดคล้ายมะม่วง
ผลสุกขนาด ใหญ่ประมาณ ๒๐๐ กรัม มีสีเหลือง
และเมล็ดสีน้ำตาล เมื่อออกผลแล้วนาน ๒ - ๓ เดือนจึงสุก

                                                  (http://[url=http://picdb.thaimisc.com/b/bangsaen15/1331-3.jpg]http://picdb.thaimisc.com/b/bangsaen15/1331-3.jpg[/url])
ที่จริงแล้วมีปลูกที่ยะลามาเป็100ร้อยปีแล้ว
แต่เนื่องจากรูปร่างจรกา..วาจาไม่เพราะ จึงถูกลืมไป
แล้วเมื่อ 100กว่าปี มีคนเอาเม็ดไปปลูกที่อัมพวา
ออกลูกออกผลมาก็ตื่นเต้น..เป็นของหายาก
ชื่อก็จำไม่ได้ ไม่รู้จัก จึงเรียกตามแหล่งที่พบ
นั่นก็คือ  อัมพวา

                                                 (http://www.nanagarden.com/Picture/Product/400/153191.jpg)
ต้นอัมพวา                                                 
เดิมเรียกว่าต้นมะเปรียง เป็นไม้ถิ่นของประเทศมาเลเซียและภาคใต้ของไทย
เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง เจริญเติบโตได้ดีบริเวณชายน้ำ
ใบมีสีเขียวอ่อนลักษณะยาวโค้ง ปลายใบมน ออกดอกเป็นช่อสีขาวตามลำต้น
และจะพัฒนากลายเป็นผลในช่วงเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคมของทุกปี
ผลมีรสชาติหวานอมเปรี้ยว
  ชาวภาคใต้เรียกผล"ลูกคางคก" ตามลักษณะของผลที่มีผิวสีเทาปนเขียวและขรุขระ
เมื่อร้อยกว่าปีก่อน มีผู้นำเมล็ดพันธุ์มาปลูกที่อำเภออัมพวา
ชาวบ้านที่นี่เห็นเป็นไม้แปลกและที่อื่นในละแวกใกล้เคียงไม่มี
จึงเรียกว่าต้นอัมพวา ตั้งแต่นั้นมา

ต้นไม้ต้นนี้ โดยเฉพาะชาวอัมพวา ที่จังหวัดสมุทรสงคราม เรียกกันว่า"ต้นอัมพวา"
และเชื่อว่าเป็นไม้ประจำถิ่นของอำเภออัมพวา มานับร้อยๆ ปีแล้ว
ปัจจุบัน ในพื้นที่ดังกล่าวพบเห็นต้นชนิดนี้อยู่ไม่ถึง 10 ต้น ทำให้ไม่ค่อยมีผู้ใดรู้จัก

ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต
ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.gotoknow.org (http://www.gotoknow.org)
ขอบคุณผู้ฝึกสอนการวางภาพ อ.ชาติ...




 

 

 

 

หัวข้อ: Re: อัมพวา
เริ่มหัวข้อโดย: ชญาดา ที่ เมษายน 14, 2013, 06:50:35 PM
  ผลไม้ในเมืองไทย ยังมีอีกหลายอย่างที่ยังไม่เคยทราบ ไม่เคยรู้จักมาก่อนไม่ว่าภูมิภาคใดก็มักมีผลไม้ประจำท้องถิ่นเสมอ  อัมพวา คือต้นเปรียง  ก็เพิ่งเห็นนี่ล่ะค่ะ  ขอบคุณมากค่ะคุณลุงชัยที่นำเรื่องราวมาให้อ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: อัมพวา
เริ่มหัวข้อโดย: ลือ ที่ เมษายน 14, 2013, 07:46:54 PM
 1.  เป็นต้นไม้ที่สวยมาก...ไม่เคยรู้จักครับ
    (ตอนแรก นึกว่าจะให้ดูพืช ที่เป็นไม้เลื้อย เกาะต้นไม้ใหญ่ คล้ายๆพวก"โฮย่า"หรือ "นมตำเรีย"ครับ)
      ผมชอบดูต้นไม้ที่ออกผลตามลำต้น ดูแปลกตาดี...อย่าง"ตีนเป็ดฝรั่ง" และหรือ "อัมพวา" นี้
2.  ขอบคุณครับ...สนุกดีจัง
        มีอะไรให้รอลุ้นทุกวัน จากพี่ชัย :52
หัวข้อ: Re: อัมพวา
เริ่มหัวข้อโดย: ภิรมย์ ที่ เมษายน 15, 2013, 08:12:29 AM
   ครั้งแรกที่ทราบ ครั้งแรกที่รู้จัก ครั้งแรกที่เห็นครับ
ขอบคุณพี่ลุงชัยมากๆครับ
   ที่แรก ที่เห็นกระทู้ คิดว่าพี่ลุงชัยจะพาไปเที่ยวที่
อัมพวา ยังคิดในใจอยู่ใต้ไหงจะพาไปเที่ยวอัมพวา
แล้วจะไปถูกรึ..
หัวข้อ: Re: อัมพวา
เริ่มหัวข้อโดย: เผ่าพงษ์ ปัตตานี ที่ เมษายน 15, 2013, 11:11:19 PM
     ตอนแรกนึกว่าเพลง "โออัมพวา นี่หนางามจริง ทุกสิ่งเป็นขวัญตา......โอว่าผู้หญิง ยิ่งงามโสภา ดุจนางฟ้าชาวไทย...." เสียอีก