จ่าสตับบี้ ยอดสุนัขที่มียศสูงสุดในสงครามโลกครั้งที่ ๑
มีสุนัขยอดนักสู้หลายตัว ถูกเกณฑ์เข้ารับราชการทหาร สุนัขจำนวนหนึ่ง
ถูกดึงตัวมาจากบ้านของพลเรือนให้เข้ามาทำงานในกองทัพ ขณะที่อีกจำนวน
หนึ่งถูกเลี้ยงให้เข้ารับหน้าที่ในแนวหน้าตั้งแต่ยังเป็นลูกสุนัข แต่สุนัขพันธ์อเม
ริกัน พิตบูล เทอร์เรียร์สีขาวปนน้ำตาลที่รู้จักในชื่อ “สตับบี้” ถือว่าเป็นอาสา
สมัครเต็มตัว เจ้าหมานักรบตัวนี้ถูกตั้งชื่อตามหางที่สั้นกุด ถูกพบตั้งแต่ยังเป็น
ลูกหมาโดยพลทหารจอห์น โรเบิร์ต คอนรอย ตอนที่เขากำลังฝึกทหารอยู่ในยุ
โรป ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๑ ไม่ช้าเจ้า สตับบี้ ก็กลายเป็นสุนัขตัวโปรดใน
ค่ายทหาร เจ้าตูบถึงขนาดเรียนรู้วิธีการ “วันทยาหัตถ์” ด้วยการยกขาขวา
หน้าขึ้นมาถึงระดับข้อศอกขวา
สตับบี้ ประจำการอยู่ในหน่อยทหารของคอนรอย นั่นคือกองทหารราบที่
๑๐๒ เมื่อทั้งสองถูกส่งไปยังฝรั่งเศส แต่ไม่นานสหายในกองทัพก็ค้นพบว่า
เจ้าสตับบี้นั้นเป็นยิ่งกว่าตัวนำโชคธรรมดา คืนหนึ่ง เมื่อจมูกที่ไวต่อกลิ่นของ
เจ้าตูบตรวจจับการโจมตีด้วยก๊าซพิษได้ เจ้าสตับบี้ก็สามารถช่วยชีวิตทหารไว้
นับไม่ถ้วน ด้วยการวิ่งผ่านสนามเพลาะ พลางเห่าและยื้อยุดฉุดกระชากบรร
ดาทหารที่กำลังนอนหลับให้ตื่น นอกจากนี้มันยังคอยลาดตระเวนแนวดินแดน
รอบๆ ค่ายทหาร ดมหาทหารที่บาดเจ็บ ร้องขอความช่วยเหลือหรือไม่ก็นำทาง
ให้ทหารกลับที่พักอย่างปลอดภัย บางครั้งก็ช่วยให้จับข้าศึกที่มาสอดแนมได้
ด้วยความดี ความสามารถเหล่านี้ สุดท้ายเจ้าสตับบี้ ได้รับยศเป็นจ่าของ
กองทหารราบที่ ๑๐๒
เจ้าสตับบี้ได้เข้าร่วมสงครามมากกว่า ๑๒ ครั้ง สามารถรอดชีวิตจากอัน
ตรายต่างๆ ตั้งแต่การโจมตีด้วยก๊าซพิษ ไปจนถึงการเผชิญกับระเบิดมือในระ
ยะประชิต แต่ทุกครั้งก็รอดมาได้
หลังจากกลับมายังสหรัฐฯ ก็ได้รับการต้อนรับอย่างวีรบุรุษ ได้เข้าพบประ
ธานาธิบดี วู้ดโรว์ วิลสัน ได้รับเหรียญกล้าหาญจากผู้บัญชาการทหารสูงสุด
ผู้นำของกองทัพสหรัฐ
หลังจากเกษียณจากกองทัพ เจ้าสตับบี้และคอนรอยก็ใช้ชีวิตอย่างมีความ
สุขร่วมกัน จนกระทั่งปี พ.ศ. ๒๔๖๙ เจ้าสตับบี้ก็จากโลกไป ทิ้งไว้เพียงความดี
ที่ได้ทำไว้ ให้อนุชนรุ่นหลังได้รำลึกถึง....
จากหนังสือ ๑๐๐ สุนัขผู้พลิกประวัติศาสตร์โลก ของแซม สตอลล์ ประภาคาร ผู้แปล