ปัจจุบัน การเรียนต่อต่างประเทศเป็นเรื่องง่ายดายยิ่ง ใครมีเงินก็ไปเรียนได้
หรือถ้าไม่มี ก็ยังมีกองทุนที่ให้ทุนไปศึกษาต่อต่างประเทศหลายประเภทแล้วแต่
จะเลือก ต่างจากสมัยก่อนมาก การไปศึกษาต่อต่างประเทศมีค่าใช้จ่ายสูงมาก
ต้องขุนนางระดับสูงเท่านั้น ที่สามารถส่งบุตรหลานไปศึกษายังต่างประเทศได้
หรืออีกวิธีหนึ่ง สอบชิงทุนหลวงแต่ก็ยาก ต้องเก่งจริงๆ ทุนที่ให้ก็ไม่กี่คนเอง
สมัยนั้นนักเรียนที่จะไปศึกษาต่างประเทศมักเป็นผู้ชาย เนื่องมาจากปัญหา
การเดินทาง ความปลอดภัย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มี
จากหนังสือ"ประวัติการแพทย์มิชชันนารีในประเทศไทย" บันทึกไว้ว่า
ในสมัยรัชกาลที่ ๔ ศาสนาจารย์แมททูนกับภรรยา ที่มาสอนศาสนาในไทย
ได้นำเด็กหญิงไทยคนหนึ่ง ไปศึกษาที่อเมริกาเมื่อ พ.ศ.๒๔๐๐ ทั้งสองได้ตั้งชื่อ
เด็กหญิงไทยคนนี้ว่า "เอสเทอร์"แต่คนไทยเราเรียกเธอว่า "นางเต๋อ"
นางเต๋อได้ศึกษาวิชาพยาบาลผดุงครรภ์เป็นเวลา ๓ ปีก็จบ มีความรู้ความชำ
นาญเป็นอย่างดี
เมื่อกลับมาก็ได้ใช้ความรู้ที่เรียนมาไปทำคลอดบุตร ทำการพยาบาล ตามวัง
เจ้านาย และบ้านผู้มีบรรดาศักดิ์เป็นประจำ
นอกจากน้้นยังเคยเป็นผู้ถวายอภิบาลแด่ สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระ
บรมราชินีในรัชกาลที่ ๗ เมื่อครั้งทรงพระเยาว์ด้วย
นางเต๋อ นับได้ว่าเป็นหญิงไทยคนแรกที่ได้ไปศึกษาที่ต่างประเทศ
นางเต๋อ ถึงแก่กรรมเมื่ออายุ ๘๕ ปี นับว่ามีอายุยืนยาวมากทีเดียวเมื่อเทียบกับ
คนในสมัยนั้น
นางเต๋อ ท่านคือต้นตระกูล "ประทีปเสน" ในปัจจุบัน
ไม่ทราบว่าเพื่อนๆ พอจะคุ้นนามสกุล "ประทีปเสน" บ้างหรือเปล่าเอ่ย..
จากหนังสือเล่าเรื่องไทยๆ เล่ม ๔ โดยเทพชู ทับทอง