ขอบคุณครับ คุณเผ่าพงษ์ คุณเผ่าพงษ์ไม่ได้ทำเฒ่า -ทำท่าว-ทำใหญ่ (ทำเป็นรู้ดี/เจ้ากี้เจ้าการ)เลยครับ...
และผมขอขอบคุณที่ช่วยตอบ..
เพราะนี่ก็กลัวเหมือนกัน กลัวจะหาว่า ผมทำนุ้ย-ทำเอียด (ทำเป็นเด็ก-ทำเป็นไม่รู้เดียงสา)
ที่ถามมา...
1. ผมว่าชัดเจนนะครับ..พอคุณเผ่าพงษ์บอกคำว่า "หลวง"มา
ผมก็นึกถึงญาติฝั่งแม่ ที่บ่อสระ ขึ้นมาทันที
น้องแม่ ก็น้าหลวงเชี่ยง...พี่แม่ ก็ ลุงหลวงพิณ
(ซึ่งไม่กล้าถามใคร ว่าทำไมต้องมีคำว่าหลวงด้วย)
( ส่วนฝั่งพ่อ...ไม่เข้าข่าย พระ/เณร นี้เลย
เพราะจะเรียกอย่าง ชิโน-(แต่ไม่โปรตุเกสนะครับ..555)
คือจะ.... จีนอ (-จีน) ล้วนๆ ท่าทางจะไหหลำ นะ บ้านผม...
ก็ มีเรียกกัน ว่า โบ๊เด โกบ่าว ฉีนุช ฉีเคี้ยง เดหย่วน อี่(น้าหญิง) เกา(อาหญิง)...ฯลฯ )
แล้วคำว่า หลวง ที่ใช้กับพระที่ยังครองสมณเพศ .....
ผมก็นึกได้ ว่าสมัยโน้น เคยมี น้าหลวงดี ที่วัดสุวรรณากร
ท่านเป็นพระที่ผมรักและนับถือ เพราะท่านใจดีมากๆ..เวลาไปขอใบไม้ ดอกไม้ เอามาทำช่อไหว้ครู
กุฏิ(เตะ)ของท่าน อยู่ติดกับสนามฟุตบอลโรงเรียน ยกพื้นสูง มีบันไดปูนสวย
ปลูกกล้วยไม้ เฟินบอสตัน เฟินข้าหลวง เต็มด้านหน้า และด้านข้างกุฎิ...
(น้าหลวงดีมรณภาพด้วยโรคมะเร็งกระดูก...คิดว่าพ่อท่านรัน ก็ต้องเคยรู้จักครับ)
แต่ เณร...สำหรับคนที่เคยบวชเณรมาก่อน....
เหมือนว่า ผมจะไม่เคยมีโอกาสได้เรียกใครเลย...หรือว่า นึกไม่ออกซะเอง
จากบ้านเกิดปักษ์ใต้มา ตอน พ.ศ. 2526...
มาอยู่กรุงเทพฯ 11 ปี.... เชียงใหม่ 19 ปี..
ตอนนี้ ก็ 30 ปีเต็มแล้วหรือ ....โอ้โห แป๊บๆ เองนะ สำหรับผม
มาเจอ พี่ชัย/คุณเผ่าพงษ์ คนใต้ด้วยกัน ในเว็บ...
หน้าตาจริง ก็ไม่เคยเห็นกันเลย ..... แต่แถลง แข่งคุยภาษาใต้กัน สนั่นลั่นบ้าน
เป็นที่หนวกหู ของเพื่อนๆบ้านเพลงไทย มาตลอด...รู้ตัวครับ
ก็เพราะ ไม่ค่อยได้คุยใต้กับใครมานาน... ท่านที่ผ่านมาอ่านเจอ โปรดให้อภัย เถิดนะครับ
30 ปีนี้ กลับไปเยี่ยมบ้าน แค่ 3 ครั้งเอง..1. แม่เสีย/2.หลานแต่งงาน/3.พี่สาวเสีย...
น่าจะรวมๆ ว่ากลับมาบ้าน .... 20 วัน ถึงไหมเนี่ย?
ผมก็ไม่ได้คิดอะไร เท่าไร....เรื่องนี้
ตราบจน ครั้งล่าสุด เมื่อ 3ปีที่ผ่านมา กลับไปงานศพพี่สาวคนโต
อนันต์ -เพื่อน(บ้านอยู่หลังเขา)ที่เคยเรียน ป.7ด้วยกัน-วัย 55 ณ ตอนนั้น...เป็นตำรวจ
ก็มานั่งในงานของพี่ที่วัด ก่อนหน้าผม
ผมเดินเข้าไป.. มีใครคนนึง วิ่งเข้ามากอดผมแน่น สะอื้นร้องไห้...น้ำตาอาบแก้ม
เป็นอนันต์นี่แหละ ...เขาพูดว่า "เพื่อนเหอ นึกว่าจะไม่ได้เห็นหน้ากันอีกแล้ว ชาตินี้..."
เพื่อนเป็นคนแกร่ง เมื่อพูดมาอย่างนี้...ผมน้ำตาซึม จุกในหัวอกเลยครับ
....ซาบซึ้งคำพูดของเพื่อนมากๆ
และเลยได้สำนึกว่า ผมจากบ้านมา ...นานมาก เหมือนลับหาย
...เข้าขั้นสาปสูญ อย่างที่เขาว่ากัน... จริงๆแน่เลย
เพราะ พอเจอเพื่อนอีกหลายคน เขาก็พากันต่อว่าผม
ว่า ทำไมไม่เคยกลับมาเลย เหมือนหายไปจากโลกนี้ ...
...ประมาณนั้น
" เฮ ไส่ล่ะ....ไส่ไมห๊อนหล็อบม่ามัง
เหมื๊อนห๊ายไป๋เล่ย จากโหลกนี นิ..."
ผมคงใช้อิทธิบาท 4 ...ในการจากบ้านเกิด จริงจังไปหน่อยครับ
คือ เมื่อตกลงว่าจะไปละนะ ก็ตั้งหน้าตั้งตา ไปข้างหน้าเต็มที่...ไม่หันหลังกลับ