1. นึกได้ ว่าตอนเรียน ป.กศ. สูง เอกอังกฤษ ปี 2518-2519 ที่ วค.ยะลา
เคยเรียนวรรณคดีอังกฤษ บ้างอยู่ครับ...
และเรียน
poem (โพเอ็ม/พอเอ็ม)หรือ บทร้อยกรอง-บทกวี ...
ที่ต้องฝึกแต่งกลอนภาษาอังกฤษ ส่งอาจารย์
ก็ว่า น่าจะเอามาแชร์กันนิดหน่อยดีกว่า....
แต่จะให้เล่าเองโดยตรง เวลามันก็ล่วงเลยมา ตั้ง 37-38 ปี มาละ....
กลัวจำพลาด เดี๋ยวเล่าผิดครับ.....
เลยเอาคำศัพท์ ที่ผมพอจะจำๆมา เข้ากูเกิ้ลอีกที....เผื่อเรียบเีรียงใหม่
เออแฮะ.... ก็มีคนโพสต์เรื่องที่เราเรียนมา เหมือนกันครับ
ภาษาอังกฤษ จะมี
senses of speech (เซ้นซิส ออฟ สปีช / คงจะคือ
อรรถรสแห่งภาษา)
อยู่ 3 อย่าง คือ
1.
simile (ซิม'มะลี) เป็นการเปรียบเทียบ, การอุปมาอุปไมย
คือ เป็นโวหารที่พูดว่า ช่างคล้าย.... ช่างเหมือน (แต่เป็นไปไม่ได้)
เช่น She is beautiful as a fairy. สาวเจ้า ช่างงาม ดุจ นางฟ้า
(แต่ก็ไม่ใช่นางฟ้า เพราะยังเป็นคนนี่แหละ..แค่ขอเปรียบเทียบ)
(จะสังเกตว่า มีคำว่า
as ...ซึ่งแปลว่า ราวกับ/ประหนึ่ง/ดั่ง...ให้เห็นอยู่ในประโยคครับ
คำอื่นๆ เช่น like (ราวกับ) ก็ได้....)
2.
metaphor(เมทาฟอร์) คือโวหารที่พูดว่า เป็นสิ่งนั้น...คือสิ่งนั้นเลย (= ระบุตรงๆมาเลย)
เช่น You are my breath , my heart and my life.
คุณคือลมหายใจของผม...เป็นดวงใจของผม และคือ ชีวิตผมทั้งชีวิต
(จะไม่มีคำว่า as , like ในประโยค)
3.
personification(เพอซึนนิฟิเคชั่น) คือการทำให้เป็นอย่างคน
เป็นโวหารที่ ให้สิ่งที่พูดถึงนั้น ทำกริยาอย่างมนุษย์...ทั้งที่มันไม่ใช่คน
เช่น
Waves kiss rocks.
คลื่นเห่จูบหิน....
(อิ อิ ซึ่งจริงๆแล้ว หินจะทำกริยาจูบ อย่างคนไม่ได้)
Cry my beloved country.
จงร้องไห้เถิด...ประเทศอันเป็นที่รักของข้า
....ประมาณนี้ครับ
หยิบมาเล่าอย่างนี้ ...ขอให้เข้าใจคนที่เกษียณงานแล้ว...ที่ในใจจริง ไม่นึกหวังสิ่งใดอื่น
เล่าเพื่อแชร์กันยามว่างกับเพื่อนๆ
ว่า เออนะ...ฝั่งฝรั่ง เขาก็แต่งกลอนมีขั้นมีตอนเหมือนเรา...
บทกลอนของเรา ก็สามารถเข้าไปสู่วิเคราะห์ ในผังกลอนเฝรั่งได้ทันที
..... เท่านั้นเองครับ 2.
"แล้วจู่จู่ครู่หนึ่งนึกถึงอื่น
ใช่เคยชื่นเคยชมเคยสมหมาย" วรรคนี้ เพราะมากครับ....
ผมชอบ เท่าๆกับกลอนวรรคนี้ ....
ตอนสินสมุทรออกเล่นน้ำนอกถ้ำ เจอฝูงเงือก.....
ก็งง ...ประสาเด็กที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
ท่านบรมครูสุนทรภู่พรรณาว่า
"เห็นฝูงเงือกเกลือกกลิ้งมากลางชล
นึกว่าคนมีหางเหมือนอย่างปลา "....
3.
" ฤาเพราะจันทร์วันนี้หลบลี้สิ้น
เคยยลยินกลับหายดังผายผัน
เพียงเสียงคลื่นกลืนหาดคืนปราศจันทร์
มืดมิดหวั่นอ้างว้าง...อย่างอึมครึม..." ส่วนบาท(ไม่ใช่เท้านะครับ)สุดท้าย...ที่ยกมานี้
คิดเอง ว่าพี่ชัยคงเหมือนผม....ตอนจับแป้นคีย์บอร์ดพิมพ์งาน
ที่หา "สระอา หางลึกยาว เลยเส้นบรรทัดลงไป".... เพื่อสร้างคำว่า "รือ"
ไม่เจอ ...
ผมหาจนเจอครับพี่ชัย .....
"ฤๅ" ......
สระอายาว(สระอือโบราณ)... จะอยู่ติดกับแป้นเปลี่ยนภาษา ...หลังเลข 1ครับ
.....