ขนมพิมพ์ หรือขนมวาฟเฟิล(waffle) ของปักษ์ใต้ ปี 2531-32 ....เป็นช่วงลาเรียนต่อ ป.โท
จะมีอาจารย์พิเศษที่วิ่งรอกสอนหลายมหาวิทยาลัย มาสอนศิลปะวิเคราะห์ให้พวกผม
อาจารย์เป็น ดร. หนุ่มใหญ่พ่อม่าย จบจาก มหาวิทยาลัย รัฐโอไฮไอ อเมริกา...
แต่พื้นเพ อาจารย์เป็นคนใต้ น่าจะ จ.นครศรีธรรมราช ...ที่ใต้แท้
ทั้งหน้าตาที่เข้ม.. ผิวที่ข้น และสำเนียงพูด ที่มีแร่ทองแดงเต็มเหมือง
1. อาจารย์เป็นคนน่ารักมาก...(ทราบจากเพื่อน ว่าท่านเสียชีวิตไปแล้ว ผมนี้ ร้องโถเลย)
เพราะท่านใจดี และมีอัธยาศัยดี กับเหล่าศิษย์...
สอนได้ไม่กี่วัน พาพวกเรา นั่งอัดกันเต็มรถแท๊กซี่
จากหน้าคณะ ไปแถวๆ อาชีวะ ศรีย่าน... บ้านของอาจารย์....
ระหว่า่งทาง เราคุยกันไม่หยุด ท่านก็พูดถึง อาจารย์ของพวกเราอีกท่าน ซึ่งเป็นสาวบู๊ๆ...
"อ๋อ...ด๊อกเซ่อร์ อ. ฉันก็รู้จักมานานแล้ว-เธอ....
ฉันเจอ ...ตอนที่ฉันเรียนที่ โงไอโอ้....
ฉันยังว่าเลย ผู้หญิงอ่าไล พูดเสียงห่าวๆ"
ผมทนไม่ไหว...อึดอัดที่นั่งเบียดกันไม่พอ...
ยังมาต้องกลั้นขำ ที่อาจารย์พูดออกทองแดงให้ฟังสดๆในแท๊กซี่อีก
แล้วเผลอหลุดปาก พูดสวนไปอย่างลืมตัว...
" อื้อ... ห้าวๆ แลฮะ...
....ไม่ใช่ ห่าวๆ "
อาจารย์หันมามองผมจากที่นั่งคู่คนขับ สบตากันในรถแท๊กซี่...
แปลกครับ สายตาของอาจารย์ อ่านได้ว่า ไม่ได้เคืองผม.... แต่เหมือนจะแปลกใจ
ว่า ตกลงไอ้ลูกศิษย์หน้าจืดๆนี่.... มันก็เป็นคนใต้ เหมือนข้าด้วยหรือ-ซะมากกว่า
2. อาจารย์สอนดีมากๆ... ผมจะนั่งหน้าสุด ตั้งใจฟังเล็คเช่อร์...และจดตาม
จนอาจารย์ชอบใจ...ว่าผมชอบวิชาที่ท่านสอน
วันนึง อาจารย์กำลังสอนไปได้ครึ่งแรก เดินมาหาผม บอกผมว่า
"เธอๆ.... เธอช่วยไปซื้อส้มดองให้ฉันหน่อย...( 555 ขอผมขำหน่อยนะ)
....ฉันเห็นเขาจอดรถขาย ที่ข้างตึกนิเทศ ฉันเปรี้ยวปาก"
จะส่งตังค์ให้.. ผมบอกไม่เป็นไร อาจารย์จะเอาไรมั่งครับ
"เอามะยม มะปราง มะม่วง แล้วเอาพริกกับเกลือเยอะๆ เผ็ดๆเลย"
ซื้อกลับมา...อาจารย์ก็นั่งสอนไป เอาไม้จิ้ม จิ้มของดองเข้าปากไปด้วย
มีเสียงอร่อยดัง จุ๊บๆ..แทรกอีกตะหาก
(ลองทำปากจูบ แล้วดูดเสียง 2 ที ดูซีครับ)
แสดงว่า อาจารย์วางใจผม ...อ่านผมออก ว่าผมก็ชื่นชมอัธยาศัยของท่าน
3. เพื่อนที่ทะลึ่งๆ เวลาอาจารย์เดินหิ้วกระเป๋าเจมส์บอนด์เข้ารั้วมา...
จะแซวผม ทำนองว่า คนใต้ด้วยกันนิ..
"เฮ้ย โน่น....น้าเมิงมาละ ไอ้ลือ " แล้วหัวเราะกัน ฮิ ฮิ...
ครั้งนึง..ช่วงที่สอน อาจารย์เล่าแบบประชดถึงคนดังคนนึง ในแวดวงศิลปะด้วยกัน ให้พวกเราฟัง
ทำนองว่า ไม่ให้เกียรติ ดูหมิ่นกัน ....ประมาณนี้
เล่าจบ อาจารย์ก็ลงท้าย ด้วยคำว่า
"หึ....มันทรามจริงๆ"
("ทราม"-คำนี้.... อาจารย์ออกเสียงแบบ "จันทรา" นะครับ
....ไม่ใช่"ซาม"....
ผมยังงง...นั่งนึกตั้งนาน อะไรอะ "ทราม" (trarm) ...ไม่เข้าใจ?
เลยลองเขียนดู ....อ๋อ get ละ ...มาจากคำเต็ม ว่า "เลวทราม" นั่นเอง "
โห- เชื่อเลย ยอมท่านจริงๆครับ... คำนี้ ลึกมาก
4. อีกครั้งหนึ่ง....
ท่านสอนไป ....ก็เล่าแทรกช่วงชีวิต ที่ท่านไปเรียนปริญญาเอก ที่อเมริกาให้ฟัง
ไปๆมาๆ กลายเป็นอาหารการกินที่นั่น ว่ามีทั้งถูก ทั้งแพง..ให้เลือกเอา
จู่ๆ ท่านก็ถามว่า...
"พวกคุณรู้จัก ขนม"วาฟเฟิล"(waffle)ไหม... ที่มันเป็นตารางๆน่ะ?"
ไม่มีใครตอบ... และผม กำลังจะตอบ...
... แต่อาจารย์ก็ชิงเฉลยซะก่อน
" ก็ขนม"รังต้อ"ไง "
ผมนี้...รู้สึก "ฮาโรย... กู๋ไมไดกิ๋น"
แปลว่า "เพลีย....เพลียจัง กะภาษากลางของอาจารย์"...ฮิ ฮิ
ผมสวนไปทันที
" รังต่อ แลฮะ ...ไม่ใช่ รังต้อ "
อีกครั้ง ที่อาจารย์หันมามองผมแบบวันโน้น...ท่านจะคิดไง ผมไม่ทราบ รู้แต่ว่าคราวนี้ มีเคืองนิดๆ
แล้วท่านก็ว่ากลับมาเบาๆ
" ไม่รุ....
บ้านฉันเรียก "รังต้อ"..."
แล้วก็สอนต่อ....
...ผมกลัวเหมือนกันนะครับ กลัวอาจารย์โกรธ อาจให้เกรดผมตก
(แต่ ปล่าวนะ....ท่านก็ให้เกรดผม A ครับ)
นี่ไงครับ.... ขนมวาฟเฟิล( waffle) -รังต้อ -รังต่อ หรือ ที่ทางปักษ์ใต้บ้านผม เรียก "ขนมพิมพ์" (ขอบคุณเจ้าของภาพครับ)
อร่อยกว่าที่เขาขายกันทุกวันนี้...ที่หน้าตาอย่างฝรั่ง
เพราะแถวบ้านผม เขาจะโม่แป้งสดๆ..ใส่กะทิ และใส่เนื้อมะพร้าวขูด ใส่น้ำตาล ใส่เกลือ (ไม่แต่งสีอย่างในรูป)
ทาแม่พิมพ์ด้วยน้ำมันมะพร้าว...ย่างเตาฟืนจากกิ่งไม้ สุกมา หอมฉุย...
แม่ค้าวางบนใบตอง ที่รองด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ภาษาจีนอีกที...
ห่อพับ ส่งให้เรา
เดินกินไป เป่าไป เพราะมันร้อนมาก .... แวะดูเวทีรำวง โรงโนรา โรงหนังตะลุง กับเพื่อน....
สุขใจเหลือเกินครับ ยามวัยเยาว์....