สโมสรบ้านเพลงไทย > ห้องสันทนาการ

ขนมท้องถิ่น โบราณ

<< < (3/3)

ลือ:
1.ผมก็ลูกแม่ค้าครับ
     เห็น และรับรู้ค่าของเงินจากการขายขนม
             กว่าแม่จะได้ส่วนต่างของทุน และกำไร จากขายขนม มันเหนื่อยมากๆครับ
     แม่ผมขายประเภท ขนมชั้น... ขนมกอและ... เหนียวเออะ... ขนมกอหลี... ขนมหม่อฉี่... ขนมปัมจี
          ขนมดู... เหนียวกวน... ขนมหน้าหมู...ขนมกวน...ตะโก้มันสำปะหลัง...ตะโก้เผือก
                  (ทำขาย ครั้งละ 5-6 อย่าง)
            ซึ่งขนมเหล่านี้ เกิดจากฝีมือโม่แป้งของผม และพี่ชายอีกคน แทบจะล้วนๆครับ...
       แม่ผม จะไม่ซื้อแป้งสำเร็จรูป...ทุกขนม แป้งจะสดจากการโม่มือ
    ผมโม่ชำนาญครับ ชนิดที่ว่า มือซ้ายจับคันครกโม่ ให้หมุนไปรอบๆ... มือขวา ตักข้าวสารกรอกรู เป็นจังหวะ
       โดยไม่ต้องชะงักมือหมุน...แป้งก็ละเอียด ขนมจะอร่อย
             .....แม่ชมว่า "เนียน"(=ฝีมือละเอียด)

               ส่วนพี่ชาย-เป็นคนที่ติดกับผม มือจะหนัก ...หมุนครก โม่ข้าวสารคั่วที่จะทำขนมดู แรงมาก...
     จนตัวครกหลุดจากเดือยฐาน...แป้งก็หยาบ
                             :19
                 แม่ผมว่าพี่เลย ว่า "หยาบ!" (=ซุ่มซ่าม)...
          แล้วก็เรียกมือวางอันดับ1. คือผม  เข้านั่งประจำที่ ทำการโม่แทนต่อ
              ผมหน้างอ...เพราะข้าวสารคั่วทำขนมดู เป็นหม้อที่ใหญ่มากๆ แต่ก็สงสารแม่...ไม่ปฏิเสธ
                 พี่ชายบอกว่า "เดี๋ยวเพื่อนจะโม่แป้งทำหนมกอหลีแทนมันเองนะ..."
                      ก็ค่อยยังชั่วครับ...พี่เขา ก็ไม่เอาเปรียบ   :12
                (โชคดีอย่างนึงครับ  ที่บ้านผม พี่ๆน้องๆ ทุกคนรักกัน...มีแต่ให้กัน)
      จนพวกเราทำงานกัน จึงขอร้องให้แม่เลิกทำขนม เพื่อพักผ่อนบ้าง...แม่ก็ค่อยๆทำน้อยลง และเลิกในที่สุด

                 ผมเคยนึก ว่าพี่ชายเขาจะจำเหตุการณ์นี้ได้หรือเปล่า   :46
              ปรากฏว่า เมื่อปี 2554นี้เอง...
         พี่ชายผม เขาเขียนหนังสืออัตชีวประวัติตัวเอง เข้าเล่มอย่างดี...ส่งจากกาฬสินธุ์ มาให้ผมที่เชียงใหม่ 1 เล่ม
                 แล้วโทรมาถาม ว่าได้รับหนังสือหรือยัง...ผมเลยบอกว่า ได้รับแล้ว
       และเล่าว่า ผมก็เขียนเรื่องตอนผมยังเด็กไว้เหมือนกันนะ...ไปเที่ยวแถวสนามบินบ่อทอง ไปยิงนก ตามพี่อู๊ดไปตีนก ไปยิงมูสัง...ฯลฯ
                เขียนไว้ ในเว็บไซต์นึง...(ไม่ใช่บ้านเพลงไทยนะครับ-ตอนนั้น ยังไม่รู้จัก)
       พี่ก็ให้ลูกน้องก็อปปี้ออกมา เอารวมกับเรื่องที่เขาเขียนเกี่ยวกับการทำอาหาร ทำเป็นหนังสือออกมาอีกเล่ม..

              ได้อ่านตอนนึง ของอัตชีวประวัติพี่...พี่เขาก็บันทึกเรื่องที่ตัวเองกับผม ถูกปลุกตอนตีสาม ตื่นมาช่วยแม่ทำขนมเพื่อขายที่ตลาดนัดตอนเช้าครับ
       ผมอ่านเจอ  ณ วัย 56...ก็ อดน้ำตาซึมไม่ได้   
           พี่เขาก็ 58 ...ทำงานด้านปกครองมาตลอด  ต้องโยกย้ายไปที่ต่างๆ อยู่เสมอ
          จากระดับอำเภอ เช่น อ.ท่าใหม่...อ.ไทรน้อย...อ.ด่านขุนทด... อ.กมลาไสย...อ.เมือง ตราด
     ต่อมา ไต่เต้าเลื่อนสู่ระดับจังหวัด... ก็ จ.กาฬสินธุ์  และตอนนี้ เพิ่งย้ายไปประจำที่ จ.สุรินทร์ครับ
                  ถึงอย่างไร พี่ก็ยังจำความหลังทุกอย่างได้ดี....
        แม่ทำขนมขาย เลี้ยงเรามา ตั้งแต่เรา 10 ขวบกว่าๆกัน (พ่อเสียไปปี 23..แม่ ปี 27)...
             กว่า 40ปีแล้ว พี่ก็ยังคงไม่ลืม เรื่องที่เราช่วยกันโม่แป้งให้แม่ ทำขนมขายตลาดนัดบ่อทอง วันศุกร์
                               :60     :60
 2."ต้องสั่งซื้อ ลูกตาลสุกจาก ระโนด
              เพราะที่นราฯนี่ เค้าเก็บให้ หมู ให้วัว กินหมด" ....

       อ๋อ มิน่าล่ะครับ พี่ชัย... ใครที่ไม่หวีผม ปล่อยให้หัวยุ่ง
             เขาถึงชอบเปรียบ ว่าหัวยุ่ง ยังกะลูกตาลหมูดูด....
                               ...งี้นี่เองเนาะ

3.ขนมถังแตก ผมชอบชนิดไส้สังขยาครับ คุณเผ่าพงษ์
            ไส้มะพร้าวมันฝืดคอ เบิ้ลลำบาก..5555
     ส่วนครองแครง แบบกรอบ ทำไม่เป็นครับ...
             ที่ทำแบบลวกได้ ก็อาศัยกวนแป้งเปียกทำว่าวมาก่อน ... เลยพอทำได้
                        เพราะคล้ายๆกันครับ :77

4.ซื้อกิน อร่อยแบบวาไรตี้ครับ คุณภิรมย์
         หลากหลายดี  ไม่จำเจในรสชาติครับ  .... :52
               ผมก็ชอบซื้อนะ

ภิรมย์:
    นึกถึงเรื่องทำขนม ทำอาหาร ผมเองยังเสียดายเวลาที่ผ่านตั้งแต่เด็กจนกระทั้งคุณแม่จากไปเมื่อ ๓ ปีก่อน ท่านเก่งมากในเรื่องการทำอาหาร ทั้งคาว ทั้งหวาน ขนาดว่าบรรดาญาติๆ ถ้ามีการงานอันใด ต้องมาให้ท่านเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการเตรียมอาหารทั้งคาว ทั้งหวาน กระทั่งที่วัดใกล้บ้านก็เช่นกัน ลองถ้ามีงานบุญ ต้องทำอาหารบริการญาติโยม ท่านต้องไปช่วยเสมอ    อีกอย่างที่คุณแม่ชำนาญมากก็คือ การเย็บผ้า ตัดเสื้อ ตอนที่แต่งกับคุณพ่อใหม่ๆท่านรับจ้างเย็บเสื้อโหลครับ มีลูกน้อง ๒-๓ คน ช่วงนั้นบรรดาลูกๆไม่ต้องซื้อเสื้อ ซื้อกางเกง คุณแม่ตัดเองโดยเอาเศษผ้าที่เหลือมาเย็บเป็นผืนใหญ่ แล้วตัดเป็นเสื้อกางเกงให้ลูกๆใส่ ดังนั้นเสื้อกางเกงแต่ละตัวจะมีตัวเดียวในโลก หาที่อื่นไม่ได้ทั้งลาย ทั้งสีไม่เหมือนกันสักตัว    ที่ผมว่าเสียดาย ก็คือผมไม่ได้พยายามที่จะเรียนรู้สิ่งต่าง ความรู้ต่างๆ จากท่านเลยพี่น้องผมทุกคนก็เหมือนกันไม่มีใครสนใจเลย มานึกเอาตอนนี้ก็สายไปซะแล้ว

ลือ:
ได้รับทราบความสามารถ ของคุณแม่คุณภิรมย์แล้ว...
      พลอยชื่นใจแทนครับ

            แต่เท่าที่ รู้จักกันมาทางเว็บ...
    ถือว่า คุณภิรมย์ก็เป็นผู้ที่มีความสามารถ รอบรู้หลายด้านครับ  :52

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[*] หน้าที่แล้ว

Go to full version