กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

ผู้เขียน หัวข้อ: ผักเหลียง ผักเหมียง  (อ่าน 5961 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ลุงชัยนรา

  • ความเปลี่ยนแปลง เป็นนิรันดร์
  • ชาวบ้านกิตติมศักดิ์
  • คะแนนอนุรักษ์เพลง 3715
  • กระทู้: 910
  • Thank You
  • -Given: 3245
  • -Receive: 3715
  • ชีวิตนี้ยอมพลี เพื่อแผ่นดิน
ผักเหลียง ผักเหมียง
« เมื่อ: เมษายน 03, 2013, 08:33:22 AM »
                           


    ผักเหมียง (ชื่อวิทยาศาสตร์: Gnetum gnemon) เป็นพืชเมล็ดเปลือยในสกุลมะเมื่อย ลักษณะเป็นไม้พุ่ม เมล็ดแก่สีส้ม ติดเมล็ดช่วงเดือนมีนาคม – เมษายน เป็นพืชพื้นเมืองของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และทางตะวันตกของหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก แพร่กระจายจากรัฐอัสสัมผ่านอินโดนีเซีย มาเลเซียไปจนถึงฟิลิปปินส์และฟิจิ ในไทยพบทางภาคใต้ เช่น พบในจังหวัดพังงา ภูเก็ต ชื่อในภาษาต่างๆได้แก่ เมอลินโย(Melinjo) หรือ เบอลินโย(Belinjo) (ภาษาอินโดนีเซีย), บาโฆ(Bago) (ภาษามาเลย์, ภาษาตากาล็อก), ปีแซ (Peesae) (ภาษามลายูปัตตานี), แด (dae) (ภาษากวาราแอ) และ Bét, Rau bép, Rau danh หรือ Gắm (ภาษาเวียดนาม)
การใช้ประโยชน์

"ผักเหลียง" เป็นพืชยืนต้นที่มีลักษณะเป็นไม้พุ่ม สูงประมาณ ๑-๒

เมตร มีใบเรียวยาว สามารถนำยอดของผักเหลียงมารับประทานได้ แต่ต้องทำให้สุกก่อน

โดยนำมาปรุงเป็นอาหารได้หลายอย่าง เช่น ผัดผักเหลียงใส่ไข่ แกงเลียงผักเหลียงใส่กุ้ง

 นำมาต้มกะทิ ใช้รองห่อหมก หรือลวกจิ้มน้ำพริก ซึ่งเป็นที่นิยมรับประทานมากของชาว

ภาคใต้อย่างกว้างขวาง     ผักเหลียงจัดเป็นผักพื้นบ้านประเภทไม้ยืนต้นขนาดกลาง

มีมากในแถบจังหวัดประจวบคีรีขันธ์  ชุมพร  ระนอง และแทบทุกจังหวัดในภาคใต้ ถือว่า

เป็นผักประจำถิ่นใต้เลยก็ได้ ว่ากันว่าถ้าจะกินผักเหลียงที่มีรสหวานอร่อยแล้วละก็

ต้องเป็นผักเหลียงที่ขึ้นในร่ม หรือไม่ก็ต้องหลังฤดูฝนไปแล้ว เพราะเป็นช่วงที่ผักเหลียง

เริ่มแตกใบใหม่  แหล่งดั้งเดิมของผักเหลียงขึ้นอยู่ตามป่าเขา ที่ราบ  บางครั้งก็เห็นขึ้น

เคียงข้างกับต้นสะตอและต้นยาง ลักษณะของผักเหลียงที่อร่อย คนใต้เขาแนะนำให้เลือก

ใบที่เป็นเพสลาด  คือไม่อ่อนหรือไม่แก่จนเกินไป ใบจะออกรสมันและหวานนิดๆ

และนอกจากความอร่อยแล้ว คนใต้บางคนบอกว่าหากผู้คนภาคอื่น ได้มีโอกาสลิ้มลอง

ผักเหลียงมากขึ้น อาจจะหลงเสน่ห์ปักษ์ใต้เอาได้ง่ายๆ เลยทีเดียว

 "ผักเหลียง" มีการปลูกกันอยู่ในหลายจังหวัดทางภาคใต้  ทางพังงา ภูเก็ต กระบี่

เรียกว่า "ผักเหมียง" สุราษฎร์ฯ เรียกว่า "ผักเขรียง" ส่วนทางชุมพร ระนอง ประจวบฯ

เรียกว่า "ผักเหลียง"  ต้นเหลียงมักไม่มีศัตรูพืชมากนัก ไม่โดนแมลงหรือเชื้อรารบกวน

จึงมั่นใจได้ว่าเป็นผักปลอดจากสารพิษอย่างแน่นอน อันที่จริงผักจากไม้ยืนต้นส่วนใหญ่

ก็มักจะปลอดสารพิษอยู่แล้ว ชาวบ้านที่ชุมพรจะกำมาขาย กำละ 5 บาทเท่านั้น เมื่อเทียบ

กับผักที่ไม่ปลอดสารพิษในกรุงเทพฯแล้ว ผักเหลียงทั้งปลอดภัย ทั้งอร่อยทั้งประหยัดกว่า

หลายเท่าครับ

         ผักเหลียงอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีนที่ต้องถือว่าเป็นสารต้านออกซิเดชั่นที่สำคัญ ทั้ง

ยังเป็นสารตั้งต้นสร้างวิตามินเออีกด้วย มีข้อมูลออกมาจากภาควิชาอุตสาหกรรมเกษตร

มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ว่า ผักเหลียงร้อยกรัมหรือหนึ่งขีดไม่รวมก้าน

ให้เบต้าแคโรทีน สูงถึง 1,089 ไมโครกรัมหน่วยเรตินัล สูงกว่าผักบุ้งจีนสามเท่า

มากกว่าผักบุ้งไทย 5-10 เท่า ผักเหลียงมีเบต้าแคโรทีนมากกว่าใบตำลึงเสียด้วยซ้ำ

ผักที่ถือว่า เป็นสุดยอดของแหล่งเบต้าแคโรทีนคือแครอท ก็ไม่ได้มีเบต้าแคโรทีนมากไป

กว่าผักเหลียงเลย เบต้าแคโรทีนเป็นสารสีส้ม แต่กลับมองไม่เห็นสีส้มในผักเหลียง

ก็เพราะมันถูกสีเขียว ของใบผักปกปิดไว้จนหมด กินผักเหลียงจึงให้ทั้งคุณค่า

ของเบต้าแคโรทีนและสารพฤกษเคมีจากผักใบ และผักเหลียงยังให้คุณ

ค่าของแคลเซียมและฟอสฟอรัสช่วยบำรุงกระดูก อีกด้วย


 
         อาหารยอดนิยมจากผักเหลียงที่ขึ้นชื่อของเมืองใต้คือ "ผักเหลียงต้มกะปิ" หรือที่

รู้จักกันดีว่า "แกงเคย"  กรรมวิธีการทำก็ไม่ยุ่งยากเลย เพียงต้มน้ำให้เดือด  ใส่กะปิ

หอมแดงบุบ  น้ำตาลทราย  พอเครื่องเดือดทั่วกันก็ใส่ผักเหลียงได้เลย

ส่วนใหญ่ใส่กันทั้งใบ ไม่เด็ดก้านใบทิ้ง เพราะก้านทำให้น้ำแกงมีรสหวาน

พอใส่ผักเหลียงแล้วยกลงได้เลย เคี่ยวนานไปผักจะสลดหมด แกงหม้อนี้ใช้เกลือปรุงรส

แทนน้ำปลา แต่อาจเสริมรสชาติความอร่อยด้วยการใส่กุ้งแห้งหรือกุ้งใหญ่ลงไปด้วยก็ได้

รสชาติเหมือนแกงเลียง แต่ต่างกันตรงที่เครื่องแกงของแกงเลียงจะนำ

มาโขลกก่อน แล้วจึงใส่ลงในหม้อแกง แต่แกงผักเหลียงนี้ไม่ต้องนำเครื่องแกงไปโขลก

อกจากนี้ยังสามารถนำมาทำอาหารจานผัดที่แสนธรรมดา แต่รสชาติไม่ธรรมดา

อย่าง "ผักเหลียงผัดไข่" วิธีทำจะว่าไปแล้วก็เหมือนพวกหัวไชโป๊ผัดไข่  มะละกอสับผัดไข่

เพียงแต่เราเปลี่ยนเป็นใบเหลียงเท่านั้น รับประทานกันข้าวสวยร้อนๆ ก็อร่อยไปอีกแบบ

 แม้แต่ห่อหมกของคนใต้ยังนิยมใช้ใบเหลียงมารองก้นกระทง นอกเหนือไปจาก

ใบโหระพา ผักกาดขาว และใบยออีกด้วย หรือจะนำมาต้มกับกะทิเป็น

"ผักเหลียงต้มกะทิ" ก็ได้ หรือง่ายกว่านั่นก็คือผักเหลียงต้มน้ำปลา

วิธีการแสนง่ายดายด้วยการต้มใบเหลียงในน้ำเดือดแล้วปรุงรส

ด้วยน้ำปลาอย่างดีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น รสชาติหวานของผักเหลียงเข้ากับความเค็ม

อย่างกลมกล่อมของน้ำปลาเข้ากันได้เป็นอย่างดีเชียวครับ ถือเป็นอาหารพิเศษสำหรับ

เด็ก ๆ ที่ไม่ชอบทานผักได้อีกด้วยนะครับ

ผักเหลียงจึงได้ชื่อว่าเป็นราชินีแห่งผักพื้นบ้านด้วยคุณประโยชน์หลายประการเช่นนี้เอง

หวังว่าข้อมูลเล็กน้อยนี้อาจจะทำให้ท่านรัก "ผักเหลียง"  ผักพื้นบ้านของชาวใต้

มากขึ้นไปอีกนะครับ  แต่ลุงชัยเองนอกจากหลงรักแล้ว ยังรู้สึกภาคภูมิใจ

เป็นของแถมด้วยครับ อ้อ!... ลืมบอกไปคนชุมพรไม่ค่อยมีใครเรียกเจ้าผักชนิดนี้ว่า

"ผักเหลียง" หรอกนะครับ ถ้าจะไปหาซื้อต้องเรียกว่า "ใบเหลียง" ครับ

สูตรอาหาร จากผักเหลียง
ต้มกระทิ
เครื่องปรุง
ผักเหลียงใช้เฉพาะใบอ่อนหั่น 2 ถ้วยตวง
มะพร้าวขูด 400 กรัม
หอมแดง 3 หัว
พริกไทย 10 เม็ด (ไม่ใส่ก็ได้)
กะปิ 1 ช้อนชา (ไม่ใส่ก็ได้ถ้าไม่ชอบกลิ่น)
กุ้งแห้ง 2 ช้อนโต๊ะ
กุ้งสด 10 ตัว

 
วิธีทำ
1. คั้นมะพร้าวให้ได้กะทิ 1 ถ้วยตวง(สมัยนี้มีกระทิกล่องแล้ว เพียง 1 กล่อง น่าจะพอ)

2. โขลกพริกไทย หอมแดง กุ้งแห้ง กะปิ เข้าด้วยกันให้ละเอียด กุ้งปอกเปลือกผ่าหลัง

3. ผสมเครื่องที่โขลกกับกะทิตั้งไฟพอเดือดใส่กุ้งพอกุ้งสุกใส่ใบเหลียงปรุงรสออกเค็ม หวาน ปรุงรสด้วยเกลือ เสิร์ฟร้อน ๆ


ใบเหลียงผัดไข่
 
ส่วนผสม
ผักเหลียง 2 กำ
ไข่ไก่ 2 ฟอง
กระเทียมกลีบกลาง 15 กลีบ
น้ำมันพืช 2-3 ช้อนโต๊ะ
ซอสหอยนางรม 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
วิธีทำ

    นำก้านผักเหลียงแช่น้ำ  ล้างน้ำ  สะบัดน้ำออกให้หมด
    ริดใบเหลียงออกจากก้าน  หากใบเหลียงใหญ่มากตัดให้เล็กลงได้
    กระเทียม  ปอกเปลือก  ล้างน้ำ  ทุบ  สับพอหยาบ
    ผสมซอสสำหรับผัดใส่ถ้วยใบย่อม  คือ  ซอสหอยนางรม  น้ำปลาและน้ำตาลทราย  คนให้เข้ากัน
    ตั้งกระทะ  ใส่น้ำมัน  ตั้งไฟกลาง  รอน้ำมันอุ่น
    น้ำมันอุ่นแล้วนำกระเทียมลงไปเจียวพอหอมหรือเริ่มเหลือง
    เทใบเหลียงใส่ลงไป  ผัดพอให้ใบเหลียงถูกไฟทั่ว
    ตอกไข่ใส่  แล้วใช้ตะหลิวยีให้ไข่แดงแตกคนพอให้ทั่วไข่ขาว  รอให้ไข่ด้านล่างสุก  อย่าเพิ่งรีบกลับไข่  ไข่จะได้เป็นชิ้นเป็นอัน  ไม่แหลกเละจนเกินไป
    ไข่ด้านล่างสุกแล้วจึงกลับด้านบนลงด้านล่าง  และด้านล่างขึ้นมาบน
    ราดซอสที่เตรียมไว้ให้ทั่ว  รอไข่สุกผัดให้ทั่วกันด้วยไฟแรงสักพัก
    ปิดเตา  ตักใส่จานเสิร์ฟครับ

  แกงเลียงผักเหลียง
 เครื่องปรุง
พริกไทยป่น    ½ ช้อนโต๊ะ
หอมแดงซอย    10 กรัม
กะปิ    ½ ช้อนชา
กุ้งแห้งเนื้อแช่น้ำจนนุ่ม    20 กรัม
น้ำซุป    2 ถ้วยตวง
กระชายบุบพอแตก    1 ท่อน
เกลือป่น    1 ช้อนชา
ผงปรุงรสไก่    1 ช้อนชา(ไม่ใส่ก็ได้)
น้ำตาลปี๊บ    1 ช้อนชา
ผักเหลียงฉีกก้านใบออกแล้วหั่น    200 กรัม

ลูกชิ้นปลากรายลวก(ไม่มีก็ไม่ต้อง หรือกุ้งสด ก็ได้250 กรัม
ใบแมงลัก    20 กรัม
วิธีทำ
วิธีทำ (สำหรับน้ำพริกแกงเลียง)

โขลกส่วนทั้งหมดเข้าด้วยกันจนละเอียดเตรียมไว้


วิธีทำ

- ต้มน้ำซุปจนเดือด ละลายน้ำพริกแกงเลียงให้เข้ากันดีใส่กระชาย ปรุงรสด้วยเครื่องปรุงรสทั้งหมดใส่เนื้อปลากรายต้มจนเดือดจากนั้นใส่ใบเหลียงและใบแมงลัก ต้มจนผักสุกตักใส่ภาชนะรับประทานขณะร้อนๆ

วิธีทำ (สำหรับลูกชิ้นปลากราย)

1. ละลายเกลือป่น ½ ช้อนชากับน้ำ 1 ช้อนโต๊ะ เข้าด้วยกัน

2. โขลกเนื้อปลากรายจนเหนียว (ในขณะที่โขลกให้เติมน้ำเกลือทีละน้อย)ปั้นเป็นก้อนแบนนำลงต้มในน้ำที่ผสมเกลือป่นเล็กน้อย จนสุกลอยตักขึ้นพักไว้



***นี่คือสูตรอาหารที่ทำจากผักเหลียง ที่บ้านทำกินกัน ทุกอาทิตย์ ท่านใดสนใจอยาก จะนำเมล็ดนำไปปลูก แจ้งชื่อไว้ในหน้านี้ นะครับ ตอนนี้เริ่ม ออกมาแล้วครับ ลุงชัยจะส่งให้ คนละ 10 เมล็ด มีทีนิดหน่อย ก็ปลูกได้ หรือ จะใส่กระถางใบใหญ่ ๆ ซักหน่อย ยิ่งปลูกใต้ร่มไม้ใหญ่ ใบดก เขียว ชะอุ่ม เชิญติดต่อไปเลยครับ อยากให้ทุกท่าน กินพืชผักพื้นบ้าน ที่ปลอดสารเคมี และมีคุณค่าทางอาหาร มากมาย


               (ขอบคุณข้อมูลบางส่วน จาก วิกิพีเดีย ภาพจากอินเตอร์เน็ต)


                                                                           
   




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 03, 2013, 08:36:14 AM โดย ลุงชัยนรา »
บันทึกการเข้า

** กระทู้แรกที่ควรอ่านเมื่ออยู่บ้านเพลงไทย **

ลือ

  • ฟังดนตรีเถิด ชื่นใจ...
  • ชาวบ้านกิตติมศักดิ์
  • คะแนนอนุรักษ์เพลง 4066
  • กระทู้: 864
  • Thank You
  • -Given: 3919
  • -Receive: 4066
  • ชอบเพลงลูกกรุงเก่าๆครับ
Re: ผักเหลียง ผักเหมียง
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: เมษายน 03, 2013, 09:15:30 AM »
1. กินเรื่องใหญ่
       ตายเรื่องกลาง
           ตะรางเรื่องเล็ก...


2.    ธรณี นี่นะหรือ คือพยาน(กลาง)
    ยังบ่เคย ชิมสักจาน.... สิบอกให่(อีสาน)
    รสชาติเหลียง วานบอกมา ว่าเป๋นจะใด(เหนือ)
    ผัดใส่ไข่ น่าหรอยแรง...อยากแย่งกิน...ฮั้น(ใต้)


3. ใครอยู่กับพี่ชัย ไม่ผอม...
       ไม่อดตายแน่ครับ...
     จุมโพ่ตัวเป้งเลย  เก่งจริงๆ :52


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 03, 2013, 09:17:12 AM โดย ลือ »
บันทึกการเข้า

ลุงชัยนรา

  • ความเปลี่ยนแปลง เป็นนิรันดร์
  • ชาวบ้านกิตติมศักดิ์
  • คะแนนอนุรักษ์เพลง 3715
  • กระทู้: 910
  • Thank You
  • -Given: 3245
  • -Receive: 3715
  • ชีวิตนี้ยอมพลี เพื่อแผ่นดิน
Re: ผักเหลียง ผักเหมียง
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: เมษายน 03, 2013, 10:07:46 AM »
     ขอเรียน ครูและเพื่อนๆทุกคนในบ้านนี้ให้ทราบว่า
ลุงชัยเป็นคนชอบกิน โดยเฉพาะ อาหาร ประจำถิ่น ชอบกินและศึกษาหาข้อมูล เพื่อที่จะได้มาปรุงกินเองในบ้าน เพราะ
1.เป็นครอบครัวที่ยากจน
2.มีสมาชิกเยอะ(เมื่อก่อน)
หากชอบกินอะไรแล้วไปซื้อเขามากินก็ไม่พอกัน และต้องสิ้นเปลืองเงินไปเยอะ เลยใช่วิธี สอบถาม เรียนรู้เอาจาก ผู้หลักผู้ใหญ่ บางร้านค้่าที่คุ้นเคยกัน เลยมีอาหารกิน พอเพียง ในความเพียงพอครับครู


บันทึกการเข้า

สมภพ

  • เก็บคนที่ไม่หวังดีไว้ใกล้ๆ จะได้ตบกบาลมันได้สะดวก
  • ผู้ดูแลระบบ
  • คะแนนอนุรักษ์เพลง 22144
  • กระทู้: 5088
  • Thank You
  • -Given: 13577
  • -Receive: 22144
Re: ผักเหลียง ผักเหมียง
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: เมษายน 03, 2013, 10:21:58 AM »
          เมื่อเกือบสองเดือนที่แล้ว มีชายหน้าตาดีคนหนึ่ง หิ้วลังน้ำมันพืชที่บรรจุใบเหลียงมาเต็มลังเดินมาที่หน้าบ้านผม แกมาจากชุมพรครับ เลยฉลองศรัทธาซะสามสี่วัน เต็มคราบไปเลย อ้อ ลืมบอกไป แกชื่อ ลุงเริญ ครับ

          ในเวลาไม่ห่างกันเท่าไรนัก มีรถตู้ทะเบียนสงขลามาจอดที่หน้าบ้าน ผู้โดยสารหน้าตาดีลงมาจากรถพร้อมกับสะตอมัดใหญ่  สอบถามได้ความว่าจุดหมายปลายทางอยู่ที่แม่ริม เชียงใหม่ ผมก็เลยรับสะตอมัดนั้นเข้าโรงครัวไว้เป็นที่เรียบร้อย แต่ต้องสารภาพความจริงกันเลยว่า สะตอมัดนั้นหายวาบไปในสองวันแต่ผมได้กินแค่ฝักเดียว เสียงจากโต๊ะลูกค้าบอกว่า "ขอผมสองฝักต่ะ"  แล้วก็มีเสียงแว่วมาจากโต๊ะใกล้ๆ ว่า
 "ผมกัน" :58 :58 สรุปแล้ว คนใต้เพ

          ขอบคุณทั้งสองท่านครับ พี่สมพร กับลุงเริญ   :11

         


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 03, 2013, 06:30:22 PM โดย สมภพ »
บันทึกการเข้า
รับไม่ได้กับเพลงไทยสไตล์ฝรั่ง จนต้องมาวิ่งหาต้นฉบับไว้ฟังอยู่นี่ไง

ลือ

  • ฟังดนตรีเถิด ชื่นใจ...
  • ชาวบ้านกิตติมศักดิ์
  • คะแนนอนุรักษ์เพลง 4066
  • กระทู้: 864
  • Thank You
  • -Given: 3919
  • -Receive: 4066
  • ชอบเพลงลูกกรุงเก่าๆครับ
Re: ผักเหลียง ผักเหมียง
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: เมษายน 03, 2013, 05:18:39 PM »
1.คุณสมพร ก็บอกงี้ เหมือนกันครับ...
       ทัวร์ผ่านบ้านคุณภพก่อน
                สะตอเลยไม่เหลือถึงมือผม....555555
2.เออ พี่ชัยครับ...
     ถ่ายรูปปลา 1 โล/40 บาท ที่ผมซื้อมา.....
  แช่ช่องฟรีซ (จะครบอาทิตย์ละ)มาให้ดูชัดๆ
       ตอนบอกไป ที่ห้องแชท.... ก็นึกว่า ปลาตะเพียน...
          ที่แท้ ดูจากกูเกิ้ล เป็นปลาสร้อยครับ
   ดีนะครับ...แช่เย็นจัดหลายวัน เอามาต้มหวานเค็ม ปลาสร้อย ก็ยังพอสด
        กลัวปลาสร้อยเหม็น ครับ...

             


บันทึกการเข้า

ลุงชัยนรา

  • ความเปลี่ยนแปลง เป็นนิรันดร์
  • ชาวบ้านกิตติมศักดิ์
  • คะแนนอนุรักษ์เพลง 3715
  • กระทู้: 910
  • Thank You
  • -Given: 3245
  • -Receive: 3715
  • ชีวิตนี้ยอมพลี เพื่อแผ่นดิน
Re: ผักเหลียง ผักเหมียง
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: เมษายน 04, 2013, 07:52:05 AM »
   ว่าจะเข้ามาตอบแต่เมื่อวานแล้ว แต่มีไวรัส สแปม ติดตัว เลยมาแต่เช้าวันนี้ ปลาสร้อย นี่ปกติเขาจะนำมาหมักทำน้ำปลา แต่ในรูปนี่ทำไมมันตัวโตจัง ทางนราฯเขาเรียกปลา ชนิดนี้ว่า "ปลาขาว" แต่ลักษณะคล้ายคลึงกัน เอาเป็นว่า ไม่ว่าที่ไหนจะเรียกชื่อ ว่ากระไร แต่มันก็คือ"ปลา" ที่เราสามารถนำมาทำอาหารได้ ตามสูตรต่างๆ ครับครู


ตะเพียนเงิน                                                    ตะเพียนทอง

                       ผมเลยนำรูปปลาตะเพียนทั้งสองชนิดมาฝากครับ


บันทึกการเข้า

ลือ

  • ฟังดนตรีเถิด ชื่นใจ...
  • ชาวบ้านกิตติมศักดิ์
  • คะแนนอนุรักษ์เพลง 4066
  • กระทู้: 864
  • Thank You
  • -Given: 3919
  • -Receive: 4066
  • ชอบเพลงลูกกรุงเก่าๆครับ
Re: ผักเหลียง ผักเหมียง
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: เมษายน 04, 2013, 09:52:43 AM »
1. เอาการบ้าน ปลาสร้อยต้มหวานเค็ม มาส่งครับ....
        นี่ผมอุ่น เคี่ยวจนหม้อดำเป็นครั้งที่ 4 .....เพราะก้างยังไม่ยุ่ยดี ในรอบที่ 3
          อุ่นเสร็จ ก็รีบถ่ายรูปทั้งๆอยู่ก้นหม้อ  ยังไม่ได้ตักแบ่งใส่จานมากินครับ...อาจดูน่าเวทนาปลาไปหน่อย
   แต่ผมก็เรียงไว้  ไม่ได้คนเลย
         ผมเพิ่มความเผ็ดเปรี้ยว ด้วยพริกน้ำส้มตำเองครับ
             ( มีพริกขี้หนู กระเทียม เกลือป่น และน้ำส้มสายชู)
            ก็อร่อยดีครับ พอแหลกเองล่าย.... (โทษนะครับ) ฮิ ฮิ...:52


                   

2. ผมยอมแพ้พี่ชัย เรื่องทำกับข้าว...เพราะผมไม่ได้ฝึกมาแต่เด็ก
          ต้องรับงานหน้าที่ล้างจาน กับกวาดบ้าน
               แต่พี่ชายที่ติดกับผมซีครับ  ชอบชิงรับหน้าที่ปรุงอาหาร...
   พอแยกไปอยู่กับป้าอีกคนที่ปากน้ำ ก็ยิ่งทำอาหารเก่งขึ้นกว่าเดิม   เพราะป้าผม ท่านทำกับข้าวอร่อยสุดๆ...
             พิสูจน์ได้ จากเวลาไปวันไหว้ก๋งที่บ้านป้า...อร่อยจนคำสุดท้าย

               ปี 2554...พี่โทรมาคุย (จริงๆ เหมือนห่าง เพราะแยกกันอยู่ ตั้งแต่พี่อยู่ ม.ศ.3 /ผม ม.ศ. 2...จนทุกวันนี้)
          โทรคุยกัน ตอนพี่ 56 /ผม 54.... พอพี่รู้ว่า ผมเขียนเรื่องเล่าไว้ในเว็บเก่า...ก็รีบเอาใจ ให้ลูกน้องก็อป ปริ๊นท์ออกมา
   (พี่ผมใช้คอมไม่เป็นหรอกครับ)...บอกผมว่า เดี๋ยวจะรวมเล่มด้วยกันให้เลยนะ  เพราะพี่ก็เขียนเรื่องไว้เหมือนกัน
          พอหนังสือมาถึงเชียงใหม่ ....เปิดอ่าน เรื่องที่ผมเล่า เขาเข้าเล่มให้อยู่ส่วนหน้า
                    ของพี่ผม อยู่ส่วนหลัง เป็นเรื่องของการทำกับข้าวทั้งนั้น.... 5555   
                         ใครอย่าว่าไรผมนะ ผมนั่งอ่าน ขำก๊ากไม่เลิก...
                 แต่ก็ทึ่งเหมือนกันครับ....ที่พี่เขาทำอาหารใต้เป็นหลายอย่าง ...น่าจะพอๆกับพี่ชัย นะครับ
                       
            1.เล่มนี้ครับ
       
                 2.พี่ผม คนขวานะครับ
             
                     3. พี่ผมแจงบอกไว้เสร็จ ว่าทำไรเป็นมั่ง...
                           ผมว่า พี่ชัยอ่านแล้ว ต้องว่า โอ๊ย...สบายมาก แน่ๆ
                   
                     4. ตรวจเยี่ยมพื้นที่ ก็ยังไม่วายนิ...
                             
                     5. อันนี้ตำครก งานถนัดดั้งเดิมของพี่ ชินตาผมตอนวัยเด็ก
                           

          ผมจำแต่ผัดเผ็ดหมูป่าที่พี่ทำให้กินตอนเรียนมัธยม เค็มๆ เผ็ดๆ..หอมใบมะกรูดหั่นฝอยที่โรยหน้า

                   ทุกวันนี้ พี่ผมทำงานอยู่ที่ จ.สุรินทร์ ครับ ...เพิ่งย้ายจาก จ.กาฬสินธุ์ไป เมื่อ 7 มกรา 2556 นี้เอง
           พี่โทรมาเล่าว่าจะไปตลาด ซื้อของสดมาทำกินเองทุกวัน ทำที เป็นหม้อทุกเมนู
             (ก็เผื่อ อส. ที่หมุนเวียนมาเฝ้าบ้านพักด้วยครับ)
                 ส่วนพี่สะใภ้ผม  เออรี่รีไทร์ไปก่อนแล้วครับ  ไปเลี้ยงหลานยาย-เพิ่งคลอด- ให้ลูกสาว ที่ออสเตรเลีย

                         พี่ชัยครับ....ผมอยากกินสมันกุ้ง ที่เขาใส่หน้าข้าวเหนียว ห่อขายเช้าๆ...
                                    กินกับโกปี้ใส่นม.....เขาทำขายสำเร็จรูปไหมครับ?
                                      เขียนถามมานี่.... สาอยากแปลบ ครับ
                         
                     
                     


 


บันทึกการเข้า

ดาวเรือง

  • กรรมการบ้านเพลงไทย
  • คะแนนอนุรักษ์เพลง 1932
  • กระทู้: 454
  • Thank You
  • -Given: 3088
  • -Receive: 1932
  • เพลงคือชีวิต
Re: ผักเหลียง ผักเหมียง
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: เมษายน 05, 2013, 03:51:07 AM »
อ่านไปน้ำลายไหลไป...อิอิ
อาหารใต้ ผมชอบสะตอผัดกุ้ง กับ คั่วกลิ้ง
ลูกเนียงก็เคยกินบ่อย กินทีแรกนึกว่าเป็นสะตอ


บันทึกการเข้า