สโมสรบ้านเพลงไทย > ห้องสันทนาการ

ลายพระหัตถ์ ในรัชกาลที่ ๔

<< < (2/3) > >>

ลือ:
     1.   จะว่าไป น้องซันก็ยังดีกว่าผม ที่น้องซันยังรู้วิธีใช้การแปลเป็น
  ผมทำไม่เป็น...และอยากรู้วิธีครับ
     อาศัยติดคำไหน ก็เอาคำนั้น เข้ากูเกิ้ล+พิมพ์ภาษาไทยตามอีกคำว่า คือ "แปลว่า"
       เช่น" goods แปลว่า "

         เวลาโปรแกรมแปล แปลประโยคให้เรา....จะแปล ถอดความหมายให้แบบคำต่อคำ 
     ซึ่งต้องเอามาเรียบเรียงกันใหม่
  เพราะโครงสร้างประโยคของแต่ละภาษา เรียงลำดับคำไม่เหมือนกัน

        สมมุติ โปรแกรม อาจกำหนดว่า "you" แปลว่า "ท่าน"
     จึงบางที "thank you" ...คอม อาจแปลว่า "ขอบท่าน"มาให้เรา

    ซึ่งแท้จริงแล้ว  thank คำเดียว แปลว่า "ขอบคุณ"....(=ความรู้สึกซาบซึ้งต่อผู้นั้น)
       I  thank you  very much. = ผมขอขอบคุณท่านอย่างมาก
       She thanks him very much.=  หล่อนขอบคุณเขาอย่างมาก
       Captain Cook thanked the natives for their hospitality.=กัปตันคุกขอบคุณชนพื้นเมืองสำหรับการต้อนรับ ดูแลอย่างอบอุ่น
                ประมาณนั้นครับ .... :54 :54 :54 :54

เผ่าพงษ์ ปัตตานี:
        เพิ่งรู้ว่า "น้องซัน" ยังเป็นหนุ่มน้อยเด็กมากๆ ยอดเยี่มจริงๆ เลยครับ ที่รู้จักศึกษาเรียนรู้อะไรต่างๆได้หลากหลาย  อีกทั้งรู้เรื่องเพลงเก่ามากมายเหมือนกับคนรุ่นเก่าๆ อย่างพวกคุณลุงคุณป้าในบ้านเพลงไทยหลังนี้  ขออวยพรให้ประสบความสำเร็จในการเรียนและในชีวิตเบื้องหน้านะครับคนเก่ง

ชญาดา:
ภาษาอังกฤษ ฝรั่งเขามักสงสัยกันว่า คนไทยเรียนภาษาอัังกฤษมาตั้งแต่ อนุบาล จนจบปริญญา แต่ก็ยังพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ใช้เวลาเรียนหลายปี เพราะบ้านเรา ครูมักสอนไวยากรณ์ มากเกินไปหรือไม่ จึงพูดไม่ได้ อีกทั้งเมืองไทย ใช้ภาษาไทยเป็นภาษาราชการ ไม่ได้เป็นเมืองขึ้นใครเขา จึงพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้กัน
          พี่ลือแปล อ่านแล้วทำให้เข้าใจยิ่งขึ้นค่ะ  คุณซันก็อุตส่าห์แปลมาให้อีก  ต้องขอบคุณทุกท่านค่ะ ก็พอแปลได้บ้างจ้า

ลือ:
1.ภาษาอังกฤษในประเทศไทย เรียนเพื่อรู้ และสอบ
       ไม่มีภาคสนามมารองรับให้ได้ใช้จริง อย่างประเทศอื่น...
      เปลี่ยนชั่วโมง สมองก็ปิดรับ...หันไปเปิดกลไกด้านภาษาไทยต่อ...
          พูดไปเหมือนเก็บดาบเล่มที่ชื่อว่า Englishเข้าฝักตลอดเวลา ...ชักออกมาจะใช้  สนิมก็จับเขรอะเสียแล้ว

2.ไวยากรณ์ในภาษาอังกฤษ มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่ครูจะต้องสอน และนักเรียนจะต้องรู้ และจำ

        สมัยก่อน...
           - เ้ด็กกลัวสอบตกซ้ำชั้น จึงขยันเรียนรู้ ขยันฝึกทำการบ้าน ครูสั่งที 80 ข้อก็มี ก็ทำจนเสร็จ
              และขยันท่องจำคำศัพท์ และกฎเกณฑ์...
         สมัยนี้...
           - เด็กรู้แกว ไม่ท่องสักอย่าง... ให้การบ้าน 20 ข้อ -ร้องโวยวาย และรู้ว่าถ้าตก ก็ซ่อม และผ่านอยู่แล้ว

    ที่ว่า  ไวยากรณ์ของภาษาอังกฤษ ต้องสอน และเด็กต้องท่องจำด้วย ถึงจะนำไปใช้ได้ถูกต้องนั้น
               เพราะคำในภาษาไทย  จะพูดตอนไหน ลักษณะอย่างไร  คำก็ไม่เปลี่ยนแปลงรูป...
        แต่คำในภาษาอังกฤษ จะเปลี่ยนรูป ตามกาลเวลา(หรือ Tense)
           และหรือตามลักษณะการพูด(วาจก หรือ Voice) ว่าประธานกระทำเอง หรือประธานถูกผู้อื่นกระทำ

                 เด็กไทยจึงต้องท่อง กริยา 3 ช่องได้ให้มากที่สุด...เพื่อรองรับการเปลี่ยนกริยาตาม Tense
            และต้องจำโครงสร้างของ active voice กับ Passive Voice เป็นสำคัญครับ...

                 แต่เด็กไทยทั่วไป ติดการคลิกเม้าส์....
                       การท่องจำ นี่....ไม่เอา ไม่ยอมกระทำ ไงครูก็ลงโทษตีไม่ได้ เขาสั่งห้าม
              ขืนมาบ่นมาก...หมดเวลาสอนไปสิ เป็นเช่นนี้
                 พอจะนำไปใช้จริง สมองวิ่งมาหาข้อมูลศัพท์ที่ร่องลึก...ปรากฎว่า  Blank คือ ว่างเปล่า
          ไม่มีร่องรอยการสั่งสมความจำบันทึกไว้เลย....
 
           เชื่อไหมครับ เด็กไทยจำนวนมาก จะมักง่าย ดื้อใช้ภาษาอังกฤษแบบคาราโอเกะ กับศัพท์ที่ตนไม่รู้คำในภาษาอังกฤษ
       (คาราโอเกะ คือ มีแต่การเลียนเสียง แต่ไร้ความหมายใดๆ.. สื่อกันได้ ในเฉพาะหมู่เดียวกัน
              ...ไม่ครอบคลุมโลกสากล- global )
             เช่น ให้เขียนคำว่า  ข้าวผัด
        เด็กไทยส่วนใหญ่ใช้  kow pad/kaw phad/ kaw phud  ฯลฯ....

            คำนี้ ที่ถูกต้อง และเข้าใจในระดับสากล คือ  " fried rice"
                   แปลตามรูปศัพท์ คือ ข้าวที่ถูกผัด
              ( fry... fried.... fried  (กริยา 3 ช่องของ fry) แปลที่ละช่อง คือ ผัด..ผัดเรียบร้อยแล้ว...ได้ผัดแล้ว/ถูกผัด 
             ...เลือกเอาช่องที่3 ที่แปลว่า ถูกกระทำการผัด
                    มาขยายคำว่า rice.... โดยวางไว้ข้างหน้าคำที่จะขยาย   
                เด็กที่ เรียน -รู้ -จด และจำ .....ก็จะนำไวยากรณ์ที่จดจำ ออกจากสมองมาใช้สร้างคำนี้ได้ครับ)
                                    เป็นต้น....อิ อิ :52
   
     ก็คงเมื่อเราเข้าเป็นอาเซียน ....ที่คนในชาติอาเซียนด้วยกัน สามารถเข้ามาแย่งงานดีๆในประเทศต่างๆได้ตามมติ....
             ก็คงจะทราบชัดว่า มีงานดีๆ ตำแหน่งสูงๆ -เพราะสามารถสื่อสารกับต่างชาติได้อย่างมีมาตรฐาน
           เหลือให้คนไทยสักมากน้อยแค่ไหน....
                ที่อ่านพบมา เขาเล็งว่า เป็นงานลักษณะลูกจ้าง หรือ งานระดับล่าง...ยังไม่ปักใจเชื่อครับ
                             ก็คงต้องดูกันตอนนั้น...

ภิรมย์:
   จริงๆ กระทู้นี้ ต้องการสื่อให้เห็นพระปรีชาสามารถของพระองค์ท่าน
พระองค์ทรงศึกษาด้วยพระองค์เอง ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีลายพระหัตถ์
ไปถึงคนต่างชาติเจ้าของภาษาด้วย
   แล้วมาลองคิดดู เด็กปัจจุบันขนาดมีครูคอยสั่งคอยสอน แล้วถ้าให้
เขียนจดหมายสักฉบับ ส่งถึงเจ้าของภาษาแบบนี้
   จะมีสักกี่คนที่กล้า

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

Go to full version