กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

ผู้เขียน หัวข้อ: จูบ  (อ่าน 7196 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ภิรมย์

  • รักเมืองไทย
  • ชาวบ้านกิตติมศักดิ์
  • คะแนนอนุรักษ์เพลง 2321
  • กระทู้: 480
  • Thank You
  • -Given: 2121
  • -Receive: 2321
  • คุณลูกกับคุณแม่
จูบ
« เมื่อ: เมษายน 03, 2013, 10:42:59 PM »
     จูบ ใครคิดว่าไม่สำคัญ จูบเบาๆ เท่านั้น.....
        เชื่อว่าทุกคนคุ้นเคยและรู้จักดี แต่จะมีสักกี่คน ที่รู้ว่าการจูบมีความเป็นมา
อย่างไร ในแต่ละสังคมมีทัศนคติอย่างไร    กว่าจะมาเป็นการจูบในความหมาย
ปัจจุบันนี้
     ผู้สันทัดบางท่านมีความเห็นว่า  สัตว์โลกรู้จักการจูบมานานนมกาเลแล้วแต่
แต่อาจไม่ใช่ในรูปแบบที่เราๆ ท่านๆ เข้าใจ
     มีบางท่านนิยามว่า การจูบ คือ”มารดรแห่งการสัมผัส” การสัมผัสตัวหรือผิว
หนังของตัวอื่นหรือคนอื่น ทำให้สมองตื่นตัว รู้สึกตื่นเต้น ให้ความรู้สึกที่ดีๆ
    คนทางตะวันตกจูบกันมานานกว่าและมากกว่าคนทางตะวันออก  บางกลุ่ม
ถือว่าการจูบ เป็นการกระทำที่ ต่ำช้า หยาบโลน เป็นความผิดในสายตาของสัง
คม  ว่ากันว่าในสมัยก่อนคนญี่ปุ่นไม่จูบกัน ไม่มีคำว่าจูบในภาษาญี่ปุ่น  คนจีน
เคยมองว่าการจูบเป็นท่าทีของคนกินคน มีบ้างว่า คนอินโดจีนใช้ขู่ลูกว่า”ถ้าไม่
หยุดร้อง เดี๋ยวคนขาวมาจูบเอานะ” อันนี้ไม่ทราบความเป็นมาว่าทำไม
    สันนิษฐานกันว่า ต้นตอการจูบมีมาตั้งแต่สมัยหิน การจูบของชายหญิงเป็น
การประสานระหว่างจิตวิญญาณของทั้งสองฝ่าย
    บางความเชื่อว่าการจูบน่าจะมาจากท่าทีการแสดงความรักของแม่ในสมัยที่
ยังอยู่ในถ้ำ ด้วยการคายอาหารที่เคี้ยวใส่ปากให้ลูกน้อยโดยตรง
    แต่ไม่ว่าการจูบจะมาจากสาเหตุใด นั่นก็เป็นความเชื่อ ความเห็น ของแต่ละ
ท่าน แต่ถ้าเป็นการจูบในความหมายที่เราเข้าใจ ผู้สันทัดกรณียืนยัยว่า การจูบ
ที่คนเราทำอยู่ทุกวันนี้ เพราะคนโรมันสอนคนอังกฤษ คนฮอลลี่วู้ดสอนชาวโลก
อีกทั้งยังแยกศาสตร์การจูบออกเป็น  จูบฝรั่งเศส ความสำคัญของการจูบ ทำไม
จูบสำคัญต่อหญิงมากกว่าชาย ทำไมจูบยังคงเป็นสัญลักษณ์ของความรู้จักมัก
คุ้น ไม่ใช่เพื่อเซ็กซ์อย่างเดียวอีกต่างหาก
    การจูบด้วยปาก เป็นจารีตประเพณี คนโรมัน แบ่งกริยาการจูบเป็น ๓ อย่าง
แล้วแต่ว่าใครจูบกับใคร จูบพวกพ่อค้าวาณิชย์ จูบญาติมิตร หรือแบบคนรัก
    คนโรมันเผยแผ่การจูบมาให้คนอังกฤษโบราณ  คนอังกฤษโบราณ ก็ได้แตก
แขนงการจูบออกไปอีกหลายอย่าง หลายความหมายเช่น คนที่ฐานะทางสังคม
เท่ากันเท่านั้นจึงจูบแบบปากต่อปากได้ ทาสที่อยากจูบเจ้านาย อนุญาตให้จูบ
ได้ที่รองเท้าเท่านั้น คนรับใช้ที่ฐานะสูงกว่าทาสให้จูบได้ที่ชายเสื้อคลุมของนาย
นักบวชจูบบิชชอปที่หัวเข่า คาร์ดินาลจูบสันตะปาปาที่มือ ปัจจุบันสันตะปาปา
จูบผู้จาริกแสวงบุญที่หน้าผาก เป็นสัญลักษณ์การให้พร
    ในราชสำนักเฮนรี่ที่ ๘ ของอังกฤษ คนที่ยังไม่แต่งงานจูบกัน ถือเป็นเรื่องอัป
ยศ ใครที่อยากจูบกัน ต้องทำในที่รโหฐานมิดชิด
    ในรัสเซียปีค.ศ. ๑๙๑๗ การจูบถูกระบุว่าเป็นการกระทำของคนจิตใจทราม
    ที่อิตาลี มุสโสลินีได้ออกกฎหมายห้ามจูบกันในที่สาธารณะ แต่ในระหว่างสง
ครามนั้นการสถานีรถไฟไม่นับเป็นที่สาธารณะ บรรดาชายหญิงคู่รักเลยพากัน
จูบกันตามสถาณีรถไฟกัน
    การจูบ ยังเป็นเครื่องหมายของความสนิทสนมคุ้นเคยกันของคู่รัก  ของสามี
ภรรยา  มากยิ่งกว่าการร่วมหลับนอน  ว่ากันว่าชีวิตการแต่งงานจะเริ่มร้าวฉาน
กันนั้นให้สังเกตดูการจูบ  การจูบจะเป็นการแสดงออกอันดับสุดท้ายที่จะแสดง
ให้เห็นว่าทั้งคู่ได้คืนดีกันจริงๆ
    ส่วนเรื่องที่ว่าฮอลลี่วู๊ดสอนการจูบให้คนทั้งโลก คงมาจากภาพยนตร์ต่างๆที่
สร้างขึ้นมาแล้วขยายไปทั่วโลก โดยเฉพาะในภาพยนตร์แนวรักๆ มักมีฉากจูบ
กันแบบดูดดื่ม ของพระเอกนางเอก จนบางครั้ง ถึงขนาดทำให้ผู้ที่เคร่งในขนบ
ธรรมเนียมต้องออกมาต่อต้านก็มี
          อะไรเกิดขึ้นเมื่อคนเราจูบกันปากต่อปาก...?
    นักวิทยาศาสตร์บอกว่า ร่างกายคนเราพอเริ่มหนุ่มสาวจะมีต่อมชนิดหนึ่งที่
รอบริมฝีปากและในปาก จะพัฒนาขึ้น เมื่อคนเราจูบกัน ต่อมชนัดนี้จะถูกกระ
ตุ้นให้ผลิตของเหลวที่เรียกว่า “ซีบัม” ออกมา ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น เลือดหมุน
เวียนมากขึ้น คนเราจะรู้สึกตัวร้อน หน้าตาจะเปล่งปลั่งแดงขึ้น
     นอกจากนี้นักวิทยาศาสตร์ยังให้ความรู้เรื่องการจูบแถมท้ายไว้ด้วยว่า
   --การจูบ ๑ ครั้งสั้นๆ ใช้พลังงาน ๓ แคลอรี่ น้ำหนัก ๑ ปอนด์ที่เพิ่มได้มาจาก
พลังงาน ๓๐๐๐ แคลอรี่  ดังนั้นถ้าจะลดน้ำหนักตัว ๑ ปอนด์ ต้องจูบแบบประ
ใจสุดซึ้ง ๑๐๐๐ ที
   --ในการจูบแต่ละครั้ง จะไปกระตุ้นต่อมไธรอยด์ ทวีความเครียด (แม้นจะไม่รู้
ตัวว่าเครียดก็ตาม) การจูบแต่ละครั้งจึงลดทอนอายุคนเราลงไปราว ๑๗ วินาที
ถึง ๓ นาที ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นความจริงจังของการจูบนั้นๆ
     ถ้าเป็นจริงตามที่เค้าวิจัยล่ะก้อ ใครที่จุ๊บบ่อยๆ ระวังไว้แยะๆนะครับ รวมทั้ง
ท่านที่คิดจะลดความอ้วนด้วยการจูบ คิดสักนิดว่าคุ้มหรือเปล่า...
      จากหนังสือความรู้รอบตัว ๑ ของเนื่องน้อย สรัทธา


บันทึกการเข้า
 :42ดนตรีคือ สื่อภาษาสากล :42

** กระทู้แรกที่ควรอ่านเมื่ออยู่บ้านเพลงไทย **

ลือ

  • ฟังดนตรีเถิด ชื่นใจ...
  • ชาวบ้านกิตติมศักดิ์
  • คะแนนอนุรักษ์เพลง 4069
  • กระทู้: 864
  • Thank You
  • -Given: 3919
  • -Receive: 4069
  • ชอบเพลงลูกกรุงเก่าๆครับ
Re: จูบ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: เมษายน 13, 2013, 12:41:39 AM »
1. เนื่องน้อย สรัทธา(ศรัทธา? )...
         อีกคนที่ผมรู้จัก  ชื่อ แน่งน้อย ศรัทธา เป็นผู้หญิงสูงวัย
      น่าจะพี่น้องกันนะครับ....
2. คุณแน่งน้อย เหมือนว่า ตอนนึ้ จะอยู่เมืองนอก...
      ผมชอบอ่านที่ท่านเขียนครับ...
        สองท่านนี้ คงชอบเขียนเรื่อง ประเภทที่มีสาระจริงจัง
   ....ไม่อย่างฝนตก ขี้หมูไหลไปเรื่อย


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 13, 2013, 01:04:26 AM โดย ลือ »
บันทึกการเข้า