สโมสรบ้านเพลงไทย > ห้องสันทนาการ

ความเคลื่อนไหว "เพชรพระอุมา" ของท่านมุ้ย

<< < (2/2)

ลือ:
1.เห็นด้วยครับ เรื่องเยิ่นเย้อ.....
   ที่จริงศึกษาจากหนังจีนกำลังภายในก็ได้ครับ...มุมกล้องในองศามองที่แปลกตา และการตัดต่อเรื่อง
           ...ฉึบฉับ ทันใจ และได้ใจความ...
     (มีหนังจีนกำลังภายในเรื่องนึง ที่สู้กันในป่าไผ่.... ท่านใดเจอ ช่วยวางลิ้งค์กันหน่อยนะครับ ผมชอบสุดๆ)
      ของไทย มักจะเสียดายฟิล์ม...ยกมาให้ดูหมดทุกชอร์ท เลยดูยืดยาดไป อย่างที่ว่ากันจริงๆ...
             
           2.จินตนาการของคนอ่าน"เพชรพระอุมา" บรรเจิดไปไกลแสนไกล...ในความรู้สึกของแต่ละคน สุดหยั่งได้..
 ทางเดียวที่หนังจะเอาชนะใจคนดูให้มากที่สุด คือจินตนาการที่เหนือกว่า
         คือต้องแรง  มีทิศทางที่คนดูเดาแนวไม่ถูก... และสร้างออกมาให้ได้ตามนั้น..
                        ซึ่งยาก...
            อีกอย่าง หนังจะสร้างได้หวือหวายังไง ....คนดูก็จะแข่งเก่งกว่า อยู่ดีน่ะแหละ
  จะถล่มว่า ก็แค่ใช้โปรแกรมคอมน่ะ...
             (แหม..พูดยังกะว่า ทำเองเป็น หรือทำได้ง่ายๆ...นะคนดูนะ
      ส่วนผม ที่ก็ทำไม่เป็น เพราะไม่มีความรู้ ....ขอแค่ดูว่า ทำได้เนียนดีไหม ก็พอครับ)

เผ่าพงษ์ ปัตตานี:
     ด้วยความเคารพผู้สร้างหนังไทยทุกท่านนะครับ โดยเฉพาะท่านมุ้ยซึ่งน่าจะอินเตอร์ที่สุดของวการหนังไทยเราในยุคนี้ ผมอยากจะสะท้อนจากมุมมองในฐานะคนดูธรรมดาๆคนหนึ่งที่อยากเห็นหนังไทยน่าสนใจมากกว่านี้  ปัจจุบันที่บอกว่าร้อยล้านอะไรแบบนี้ ผมเคยหลงคารมการโฆษณาพอเข้าไปดูในโรงแล้วนึกเสียดายตังค์กับเวลาที่เสียไป แถมปัจจุบันค่าดูในโรงตามห้างแพงเสียด้วยซิครับ
     หนังไทยยุคนี้เน้นดาราวัยรุ่นเป็นหลัก บทบาทการแสดงเป็นของแถม ดาราแดดเดียวก็เพียบ เป้าหมายการทำเงินเขาเล็งไปที่ผู้ชมระดับเด็กประถม-มัธยมปลายเท่านั้น เพราะมีโอกาสจ่ายเงินมากที่สุด ก็คงหนีไม่พ้นขอพ่อแม่เหมือนเดิม  ดังนั้นผมจึงไม่ค่อยอยากเสี่ยงเข้าชมสักเท่าไร  เพราะโดนหลอกมาหลายทีแล้ว โดยเฉพาะผมเองดันชอบหนังแนวตลกเสียด้วย เคยเข้าไปดูหนังที่"ตลกดัง"เป็นผู้กำกับการแสดงได้เงินเป็นร้อยล้าน ผมอยากเอาผ้าขาวม้าผูกเอวตาย ทั้งเรื่องมีแต่คำพูดลามกจกเปรตุแบบไรัรสนิยม ไร้สาระสิ้นดี ด่าพ่อล่อแม่กันตลอด โดยผสมผสานแนวตลกคาเฟ่ที่รู้ๆกันอยู่เข้าไปตามถนัด
     ต้องกราบขออภัยสมาชิกทุกท่านที่เผลอมาอ่านบทความในใจของผมนะครับ จริงๆผมเป็นคนสบายๆไม่ซีเรียส แต่ไม่ค่อยชอบผู้สร้างหนังแนวธุรกิจหลอกคนดูง่ายๆแบบนี้ เพียงอาศัยแรงโฆษณาบ้าระห่ำเข้ามาช่วยหากิน จ้างรายการทีวีของตัวเองเอาดารามาออกโชว์สคลิปเด็กๆ
      ซึ่งสุดยอดของภาพยนต์มันต้องมีความเร้าใจ ต่อเนื่อง มีเหตุมีผลให้น่าติดตาม เทคนิคถ่ายทำดี ดาราสมบทบาท ไม่สุกเอาเผากินอย่างที่ว่ามา  สรุปคือหลอกคนดูให้เนียนกว่านี้ จนไม่รู้ตัวว่าถูกหลอก สามารถเล่าเรื่องด้วยภาพให้คนดูเข้าใจได้ง่ายๆ  ผมว่าแค่นี้ก็ไม่เสียดายตังค์แล้วครับ  อ้อ...แต่ที่ซาบซึ้งและฝังใจผมเป็นที่สุดต้อง หนังไทยยุค มิตร-เพชรา ถึงแม้จะโบราณเชยๆไปนิด แต่ก็จริงใจดีเทคโนโลยี่น้อย ใช้ความชำนาญล้วนๆครับ แถมได้ย้อนยุคตัวเองด้วย..."เพาะพี่มันแก่แล้วน้องเอ้ย"....อิอิอิ
     ปล.อ่านแล้วห้ามซีเรียสเด็ดขาดครับผม....5555

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[*] หน้าที่แล้ว

Go to full version