หม่อมเป็ดกับคุณโม่งเป็นสตรีในสมัยพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๓ การที่
ได้รับการจารึกชื่อในประวัติศาสตร์ มีคนสนใจจนถึงขนาดนำเอาเรื่องของ
ทั้งสองท่านมาแต่งเป็นบทกลอนเพลงยาวเลยทีเดียว
สตรีสองท่านนี้ มิได้มีความดี ความชอบอันใดต่อบ้านเมืองหรอกครับที่
จริงน่าจะเป็นเรื่องน่าอายเสียด้วยซ้ำ ด้วยว่าสตรีทั้งสองเป็น คู่รักเลสเบี้ยน
คู่แรกที่มีบันทึกในประวัติศาสตร์ชาติไทย..!
เลสเบี้ยน ทุกคนเข้าใจความหมายดีว่าคืออะไร ในที่นี่ขอใช้คำว่า เล่น
เพื่อน แทน เพราะในบันทึกไทยเราเค้าใช้คำว่า “เล่นเพื่อน”
การเล่นเพื่อนในเมืองไทยมีมานานตั้งแต่เมื่อไร ไม่มีใครสนใจร่ายประ
ประวัติ คงเพราะเห็นว่าไม่มีประโยชน์อันใด กระนั้นก็เชื่อว่าคงมีมานานพอ
ควร โดยเฉพาะในรั้วในวังที่มากไปด้วยผู้หญิง แม้ในพระบรมราโชวาทใน
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานแก่พระราชโอรส แล
พระราชธิดา ก็มีกล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า ฝ่ายชายนั้นขอเป็นอันขาดอย่าสูบฝิ่น
และเล่นผู้หญิงชั่ว ส่วนฝ่ายหญิง..
“อย่าเล่นเพื่อนกับใครเลย มีผัวมีเถิด แต่อย่าให้ปอกลอกเอาทรัพย์ของ
เจ้าไปได้นะ...” นี่แสดงให้เห็นว่าการเล่นเพื่อนต้องเป็นที่รู้กันทั่วไป
กลับไปที่เรื่องของ หม่อมเป็ด คุณโม่งต่อ
พฤติกรรมอันน่าจั๊กจี้ของสาวชาววังทั้งสองเป็นเรื่องที่เกรียวกราวในหมู่
นางในไม่น้อยทีเดียวถึงได้มีผู้เขียนกลอนเพลงยาวเรื่อง หม่อมเป็ดสวรรค์
เพื่อให้ชาววังด้วยกันอ่านเล่นเป็นที่สนุกสนาน แต่หม่อมเป็ด คุณโม่ง สอง
สาวเมียผัว(บันทึกว่าหม่อมเป็ดเป็นดี้ คุณโม่งเป็นทอม) ทั้งสองจะได้อ่าน
ด้วยหรือไม่นั้น มิได้แจ้งเอาไว้ กระทั่งชื่อคนแต่งยังไม่ลงไว้ เพียงแต่สันนิ
ฐานว่า อาจจะเป็นคุณสุวรรณ ผู้แต่งบทละครตลกเรื่อง พระมะเหลเถไถ
นั่นเอง
ทั้งสองสาวนั้นอยู่ในวังเป็นหม่อมห้าม(ภรรยาของเจ้านาย ขุนนาง ผู้ที่
มีบรรดาศักดิ์สูง)
เดิมทีหม่อมเป็ดนั้นชื่อหม่อมขำ เนื่องจากเดินเหมือนเป็ด จึงได้ชื่อว่า
หม่อมเป็ด ส่วนคุณโม่งเดิมทีชื่อว่าหม่อมสุด
ทั้งสองสาวถูกเรียกตัวมารับใช้เจ้านายพระองค์หนึ่ง หม่อมสุดมีหน้าที่
อ่านหนังสือบทกลอนถวายตอนบรรทม ส่วนหม่อมขำก็มาอยู่เป็นเพื่อน ใน
คืนหนึ่ง เมื่ออ่านหนังสือไปได้พักหนึ่ง เห็นเจ้านายนิ่งเงียบ ก็คิดว่าหลับไป
แล้ว หม่อมสุดก็ดับเทียนแล้วเอาผ้ามาคลุมโปง จากนั้นทั้งสองสาวก็กอด
จูบลูบคลำกันเป็นพัลวันที่ปลายพระบาทเจ้านาย แต่อนิจจาพระองค์ยังไม่
หลับ ความลับเลยไม่เป็นความลับอีกต่อไป หม่อมสุดก็กลายเป็นคุณโม่ง
จากการที่เอาผ้ามาคลุมโปงนั่นเอง
เรื่องราวของทั้งสองในส่วนที่เป็นการเล่นเพื่อนมีบันทึกไว้แต่เพียงนี้ จะ
เพราะเหตุนี้หรือเปล่าไม่ทราบได้ ทำให้ปรากฏภาพวาดในแนว เล่นเพื่อน
อยู่ตามฝาผนังวัดวาอารามหลายแห่งในสมัยรัชกาลที่ ๓ และ ๔
มีภาพมาให้ดูครับ
หญิงชาววังคนหนึ่งกำลังจับหน้าอกของอีกคนหนึ่ง
ภาพจากฝาผนังในโบสถ์วัดคงคาราม โพธาราม ราชบุรี
หญิงชาววัง ๓ คนนอนผ้าผ่อนหลุดลุ่ย
ภาพวาดสมัย ร.๔ วัดเสนาสนาราม อยุธยา
หญิงชาววังคนหนึ่งนอนโอบกอดอีกคนหนึ่ง
ภาพวาดสมัย ร.๔ วัดเสนาสนาราม อยุธยา
กลุ่มหญิงมโหรีนอนหลับใหล สองคนซ้ายสุดดูจะมีอะไรกัน
ภาพวาดสมัย ร.๓ วัดสุวรรณาราม ธนบุรี
จากหนังสือ หญิงชาวสยาม ของ เอนก นาวิกมูล